WordPress คืออะไร ?
WordPress คือ ระบบการจัดการเนื้อหา (Content Management System หรือ CMS) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างและจัดการเว็บไซต์ โดยเฉพาะบล็อกและเว็บไซต์แบบดั้งเดิม แต่สามารถนำไปใช้สำหรับการสร้างเว็บไซต์ประเภทต่างๆ ได้ เช่น เว็บไซต์ธุรกิจ, ร้านค้าออนไลน์, ฟอรัม, หรือแม้กระทั่งแอปพลิเคชัน
WordPress มีสองเวอร์ชันที่สำคัญคือ
1. WordPress.com: เป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการโฮสต์เว็บไซต์ ซึ่ง WordPress จะดูแลด้านเทคนิคทั้งหมดให้ เช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์และการรักษาความปลอดภัย
2. WordPress.org: เป็นเว็บไซต์ที่ให้ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ WordPress เพื่อให้ผู้ใช้งานนำไปติดตั้งบนโฮสต์ของตัวเอง มีความยืดหยุ่นมากกว่า และควบคุมทุกอย่างเองได้
WordPress เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการสร้างเว็บไซต์ ด้วยความสะดวกและความยืดหยุ่นที่มอบให้กับผู้ใช้งาน
WordPress สำคัญอย่างไรต่อการทำเว็บไซต์ ?
WordPress มีความสำคัญอย่างมากในการทำเว็บไซต์ด้วยเหตุผลหลายประการ
1. ใช้งานง่าย: WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทำให้ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรมสามารถสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก.
2. หลากหลายธีมและปลั๊กอิน: WordPress มีธีมและปลั๊กอินหลากหลายให้เลือกใช้ ซึ่งช่วยในการออกแบบและเพิ่มฟังก์ชันการทำงานให้กับเว็บไซต์ เช่น ระบบร้านค้าออนไลน์, การแสดงผลรูปภาพ, SEO, ฟอร์มติดต่อ, และอื่นๆ.
3. รองรับ SEO: WordPress ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้เว็บไซต์สามารถทำ SEO ได้ดีขึ้น ด้วยปลั๊กอินต่าง ๆ เช่น Yoast SEO, All in One SEO Pack ที่ช่วยในการปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ของเว็บไซต์.
4. ความยืดหยุ่นสูง: WordPress เหมาะสำหรับการสร้างเว็บไซต์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบล็อกส่วนตัว, เว็บไซต์ธุรกิจ, ร้านค้าออนไลน์, หรือแม้กระทั่งเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีเนื้อหามากมาย.
5. การสนับสนุนจากชุมชน: WordPress มีชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาขนาดใหญ่ ซึ่งหมายความว่ามีการสนับสนุนและทรัพยากรออนไลน์ที่มากมาย รวมถึงคำแนะนำ แก้ปัญหา และการอัพเดตซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง.
6. ความปลอดภัยและการอัปเดต: WordPress มีการอัปเดตระบบและปลั๊กอินอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีความปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานเทคโนโลยีล่าสุด.
7. ความสามารถในการปรับแต่งได้: สำหรับนักพัฒนา WordPress มอบความยืดหยุ่นในการปรับแต่งเว็บไซต์ตามความต้องการเฉพาะ โดยสามารถแก้ไขโค้ด, เพิ่มฟีเจอร์พิเศษ, หรือปรับแต่งการทำงานต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด.
โดยรวมแล้ว WordPress เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสร้างและจัดการเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ทั่วไปหรือนักพัฒนาที่ต้องการความยืดหยุ่นในการออกแบบและการปรับแต่งเว็บไซต์
การสร้างเว็บไซต์ผ่าน WordPress มีขั้นตอนอย่างไร ?
การสร้างเว็บไซต์ผ่าน WordPress มีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
1. เลือกโฮสติ้งและโดเมน
- เลือกผู้ให้บริการโฮสติ้ง: เช่น Bluehost, SiteGround, หรือ HostGator
- จดทะเบียนโดเมน: เลือกชื่อโดเมนที่ต้องการใช้งาน
2. ติดตั้ง WordPress
- ติดตั้งด้วยตนเอง: ดาวน์โหลด WordPress จาก wordpress.org แล้วอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ของคุณผ่าน FTP
- ติดตั้งผ่านโฮสติ้ง: ผู้ให้บริการโฮสติ้งส่วนใหญ่มักมีตัวเลือกการติดตั้ง WordPress แบบคลิกเดียว
3. เลือกธีม
- ธีมฟรี: เลือกจากธีมฟรีใน WordPress Theme Directory
- ธีมพรีเมียม: ซื้อธีมพรีเมียมจากผู้พัฒนาธีมเช่น ThemeForest หรือ Elegant Themes
4. ติดตั้งปลั๊กอิน
- ปลั๊กอินพื้นฐาน: เช่น Yoast SEO, Contact Form 7, WooCommerce (สำหรับร้านค้าออนไลน์)
- ปลั๊กอินเสริม: เลือกตามความต้องการเพิ่มเติม เช่น ปลั๊กอินสำหรับสร้างแกลเลอรีภาพ, ปลั๊กอินสำหรับการบีบอัดภาพ
5. ตั้งค่าพื้นฐาน
- ตั้งค่าเว็บไซต์: ชื่อเว็บไซต์, คำอธิบาย, ภาษา
- ตั้งค่าโครงสร้างลิงก์ถาวร: เลือกโครงสร้างที่ต้องการเพื่อ SEO ที่ดี
6. สร้างและปรับแต่งเนื้อหา
- สร้างหน้า: หน้าแรก, หน้าบริการ, หน้าติดต่อ, เป็นต้น
- สร้างบทความ: เพิ่มเนื้อหาลงในบล็อก
- ใช้ Widget และเมนู: จัดการ Widget ใน Sidebar และ Footer, สร้างเมนูนำทาง
7. ตรวจสอบและเผยแพร่
- ทดสอบเว็บไซต์: ตรวจสอบการทำงานของทุกหน้าต่าง ๆ ในเว็บไซต์
- เผยแพร่เว็บไซต์: เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ให้เผยแพร่เว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าชม
8. ดูแลและอัปเดต
- อัปเดต WordPress, ธีม, และปลั๊กอิน: เพื่อความปลอดภัยและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
- สำรองข้อมูลเว็บไซต์: เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูล
ประเภทของเว็บไซต์ แบ่งเป็นอะไรบ้าง ?
การแบ่งประเภทของเว็บไซต์สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้พิจารณา โดยหลัก ๆ แล้ว เว็บไซต์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
1. ประเภทตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
- เว็บไซต์ธุรกิจ (Business Website): ใช้เพื่อโปรโมตสินค้า บริการ หรือองค์กร เช่น เว็บไซต์ของบริษัทขายสินค้าออนไลน์
- เว็บไซต์ส่วนตัว (Personal Website): ใช้เพื่อแสดงข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลหรือใช้เป็นแพลตฟอร์มในการแชร์ความสนใจ เช่น บล็อกส่วนตัว
- เว็บไซต์องค์กร (Organization Website): ใช้สำหรับองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรหรือกลุ่มองค์กร เช่น เว็บไซต์ของโรงเรียน หรือมูลนิธิ
- เว็บไซต์การศึกษา (Educational Website): ใช้เพื่อการเรียนการสอน เช่น เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์
- เว็บไซต์ข่าวสาร (News Website): ใช้สำหรับเผยแพร่ข่าวสารหรือบทความ เช่น เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ออนไลน์
- เว็บไซต์บันเทิง (Entertainment Website): ใช้สำหรับการบันเทิง เช่น เว็บไซต์ที่มีเกม วิดีโอ หรือเนื้อหาความบันเทิง
- เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (E-commerce Website): ใช้สำหรับขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ เช่น Amazon, Lazada
- เว็บไซต์สังคมออนไลน์ (Social Media Website): ใช้สำหรับเชื่อมต่อและสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ เช่น Facebook, Twitter, Instagram
- เว็บไซต์ฟอรั่มและชุมชนออนไลน์ (Forum/Community Website): ใช้สำหรับการสนทนาและแบ่งปันข้อมูลระหว่างผู้ใช้ เช่น Pantip, Reddit
2. ประเภทตามลักษณะการแสดงผล
- เว็บไซต์คงที่ (Static Website): เป็นเว็บไซต์ที่เนื้อหาคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย การแก้ไขเนื้อหาต้องทำโดยผู้ดูแลระบบ
- เว็บไซต์พลวัต (Dynamic Website): เป็นเว็บไซต์ที่เนื้อหาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการโต้ตอบของผู้ใช้ เช่น เว็บไซต์ที่มีระบบจัดการเนื้อหา (CMS)
- เว็บไซต์ตอบสนอง (Responsive Website): เป็นเว็บไซต์ที่ปรับการแสดงผลตามขนาดหน้าจอของอุปกรณ์ที่ใช้เข้าเว็บไซต์ เช่น บนมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์
- เว็บไซต์เดียวหน้า (Single Page Application – SPA): เป็นเว็บไซต์ที่โหลดหน้าเว็บเพียงครั้งเดียว แล้วเปลี่ยนเนื้อหาโดยไม่ต้องโหลดใหม่
3. ประเภทตามเทคโนโลยีที่ใช้
- เว็บไซต์ HTML/CSS/JavaScript: เว็บไซต์พื้นฐานที่ใช้ HTML, CSS และ JavaScript เป็นเทคโนโลยีหลัก
- เว็บไซต์ที่ใช้ CMS (Content Management System): ใช้ระบบจัดการเนื้อหาเช่น WordPress, Joomla, Drupal
- เว็บไซต์ที่ใช้เทคโนโลยีเฉพาะทาง: เช่น เว็บไซต์ที่พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยี React, Angular, Vue.js, หรือใช้ระบบ Back-end เฉพาะทางอย่าง Node.js, Django, Laravel
4. ประเภทตามเนื้อหาและการใช้งาน
- บล็อก (Blog): เว็บไซต์ที่ประกอบด้วยบทความหรือโพสต์ต่าง ๆ ซึ่งสามารถอัปเดตได้บ่อย
- พอร์ทัล (Portal): เว็บไซต์ที่ให้บริการข้อมูลหลายประเภทในที่เดียว เช่น เว็บไซต์ที่รวมข่าวสาร, บริการอีเมล์, ข้อมูลสภาพอากาศ
- เว็บไซต์สื่อมัลติมีเดีย (Multimedia Website): เว็บไซต์ที่เน้นการแสดงผลข้อมูลผ่านสื่อมัลติมีเดีย เช่น วิดีโอ เสียง หรือภาพกราฟิก
การแบ่งประเภทของเว็บไซต์สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเกณฑ์ที่เลือกใช้ โดยทั่วไปแล้ว การพิจารณาประเภทของเว็บไซต์จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และลักษณะการใช้งานเป็นหลัก