ผู้ให้บริการด้าน Social Media Marketing อันดับ 1

ทำความเข้าใจการโฆษณา มีผลต่อกลยุทธ์ทำการตลาดอย่างไร ?

ทำความเข้าใจการโฆษณา มีผลต่อกลยุทธ์ทำการตลาดอย่างไร ?
เมื่อพูดถึงการโฆษณา เปรียบเสมือนการสร้างความสนใจและดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดความต้องการอยากรู้ ว่าสิ่งที่ต้องการสื่อนั้นคืออะไร ซึ่งการทำโฆษณาแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท และเพื่อเป็นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำโฆษณาให้มากขึ้น SocialIn.One จะพาไปเรียนรู้เทคนิคและข้อดีของการทำโฆษณากัน

การโฆษณา คืออะไร ?

การโฆษณา (Advertising) คือกระบวนการสื่อสารที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ ความสนใจ และกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการและตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ ผ่านทางสื่อมวลชนต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเทอร์เน็ต สื่อโซเชียลมีเดีย ป้ายโฆษณา ฯลฯ

ประเภทของสื่อในการโฆษณา แบ่งเป็นกี่ประเภท ?

1. สื่อโฆษณาออนไลน์ (Online Advertising)

สื่อโฆษณาออนไลน์ (Online Advertising) คือการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการโปรโมทสินค้าหรือบริการของธุรกิจ โดยใช้เครื่องมือและกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีหลายประเภทและสามารถเลือกใช้ได้ตามวัตถุประสงค์และงบประมาณของธุรกิจ ดังนี้

1. การโฆษณาบนสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Advertising)

  • แพลตฟอร์มเช่น Facebook, Instagram, Twitter, LinkedIn และ TikTok
  • สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายตามความสนใจ อายุ เพศ สถานที่ และอื่นๆ

2. การโฆษณาผ่านเสิร์ชเอนจิน (Search Engine Advertising)

  • ใช้ Google Ads หรือ Bing Ads
  • ใช้คำหลัก (Keywords) เพื่อให้โฆษณาปรากฏเมื่อมีผู้ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

3. การโฆษณาแบบแบนเนอร์ (Banner Advertising)

  • การใช้แบนเนอร์ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ต่างๆ
  • ใช้ภาพ วิดีโอ หรือข้อความเพื่อดึงดูดความสนใจ

4. การโฆษณาผ่านวิดีโอ (Video Advertising)

  • แพลตฟอร์มเช่น YouTube, Facebook Video และ TikTok
  • วิดีโอโฆษณาที่แสดงก่อนหรือระหว่างการเล่นวิดีโอหลัก

5. การโฆษณาผ่านอีเมล (Email Marketing)

  • ส่งอีเมลโปรโมชั่นหรือข้อมูลไปยังลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่ในรายชื่ออีเมล

6. การโฆษณาผ่านแอปพลิเคชัน (In-App Advertising)

  • โฆษณาที่ปรากฏในแอปพลิเคชันมือถือหรือแท็บเล็ต
  • เหมาะสำหรับการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานแอปพลิเคชันเฉพาะ

7. การโฆษณาผ่านอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer Marketing)

  • การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามมาก เพื่อโปรโมทสินค้า

8. การโฆษณาผ่านรีมาร์เก็ตติ้ง (Remarketing)

  • แสดงโฆษณาให้กับผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือใช้บริการของเรา แต่ยังไม่ทำการซื้อ

การเลือกใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. สื่อโฆษณาออฟไลน์

สื่อโฆษณาออฟไลน์ (Offline Advertising) คือการใช้สื่อที่ไม่ใช่อินเทอร์เน็ตในการโปรโมทสินค้าหรือบริการของธุรกิจ มีหลายรูปแบบและช่องทางที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของสินค้าและกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้

1. โฆษณาทางโทรทัศน์ (Television Advertising)

  • การซื้อเวลาโฆษณาบนช่องทีวีเพื่อแสดงโฆษณา
  • สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมจำนวนมากในช่วงเวลาที่มีคนดูมาก

2. โฆษณาทางวิทยุ (Radio Advertising)

  • การซื้อเวลาโฆษณาบนสถานีวิทยุต่างๆ
  • เหมาะสำหรับการเข้าถึงผู้ฟังในช่วงเวลาที่ขับรถหรือทำกิจกรรมอื่นๆ

3. โฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสาร (Print Advertising)

  • โฆษณาในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ
  • เหมาะสำหรับการเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านที่สนใจเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจง

4. โฆษณาทางบิลบอร์ดและป้ายโฆษณา (Billboards and Signage)

  • ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ติดตั้งในสถานที่ต่างๆ เช่น ริมถนน ทางด่วน และสถานีขนส่ง
  • สามารถเห็นได้โดยผู้คนจำนวนมากที่ผ่านไปมา

5. โฆษณาทางจดหมายตรง (Direct Mail)

  • การส่งจดหมายโฆษณาหรือแคตตาล็อกไปยังที่อยู่ของลูกค้าเป้าหมาย
  • เหมาะสำหรับการสร้างความสนใจและกระตุ้นการซื้อสินค้าหรือบริการ

6. โฆษณาทางกิจกรรมและงานอีเว้นท์ (Event and Experiential Marketing)

  • การจัดงานแสดงสินค้า งานเปิดตัวสินค้า หรือกิจกรรมพิเศษเพื่อโปรโมทสินค้า
  • สร้างประสบการณ์ตรงให้กับลูกค้าและสร้างความจดจำในแบรนด์

7. โฆษณาทางพาหนะ (Transit Advertising)

  • โฆษณาที่ติดตั้งบนยานพาหนะ เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้า หรือรถแท็กซี่
  • เหมาะสำหรับการเข้าถึงกลุ่มคนที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะ

8. โฆษณาผ่านของชำร่วยและของแถม (Promotional Products)

  • การแจกของชำร่วยหรือของแถมที่มีโลโก้หรือชื่อแบรนด์
  • เช่น ปากกา แก้วน้ำ กระเป๋า ซึ่งสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

9. โฆษณาผ่านสื่อกลางแจ้ง (Outdoor Advertising)

  • รวมถึงการโฆษณาบนจอ LED กลางแจ้ง ป้ายโฆษณาในสนามบิน หรือสถานีขนส่ง

การใช้สื่อโฆษณาออฟไลน์สามารถช่วยเสริมสร้างการรับรู้แบรนด์และการเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ได้ใช้สื่อออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การโฆษณา

ประโยชน์ของการทำโฆษณา ส่งผลดีอย่างไร ?

การทำโฆษณามีประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจและแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง

  1. เพิ่มยอดขาย: การทำโฆษณาช่วยเพิ่มการรับรู้และกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค ทำให้มีโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการมากขึ้น
  2. สร้างการรับรู้แบรนด์: โฆษณาช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของผู้บริโภค
  3. เพิ่มความน่าเชื่อถือ: โฆษณาที่มีคุณภาพสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ทำให้ลูกค้ามั่นใจในการซื้อสินค้าและบริการ
  4. กระตุ้นความสนใจของลูกค้าใหม่: โฆษณาช่วยในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่อาจไม่เคยรู้จักแบรนด์ของคุณมาก่อน
  5. สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน: โฆษณาช่วยให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นในตลาดและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  6. สื่อสารกับลูกค้า: การทำโฆษณาช่วยให้คุณสามารถส่งข้อความหรือข้อมูลสำคัญไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  7. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการตลาด: โฆษณาสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ทำให้การตลาดมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
  8. เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า: การทำโฆษณาที่น่าสนใจสามารถกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการกดไลค์ แชร์ หรือแสดงความคิดเห็น
  9. การวิเคราะห์และวัดผลได้ง่าย: โฆษณาออนไลน์สามารถวัดผลได้ง่ายด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ต่าง ๆ ทำให้คุณสามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาได้ตลอดเวลา
  10. การสร้างความประทับใจในระยะยาว: โฆษณาที่สร้างความประทับใจจะช่วยให้แบรนด์ของคุณติดอยู่ในใจของลูกค้าในระยะยาว

กลยุทธ์ในการทำโฆษณา ควรพิจารณาอย่างไรบ้าง ?

การทำโฆษณามีหลายเทคนิคที่สามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เราสามารถแบ่งเทคนิคออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ดังนี้

1. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Targeting)

  • การตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Marketing): มุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้บริโภคเฉพาะเจาะจงที่มีความต้องการพิเศษ
  • การตลาดตามพฤติกรรม (Behavioral Marketing): ใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคในการสร้างโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย

2. การสร้างเนื้อหา (Content Creation)

  • การตลาดเนื้อหา (Content Marketing): การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและมีความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น บทความ, วิดีโอ, และอินโฟกราฟิก
  • การเล่าเรื่องราว (Storytelling): การใช้เรื่องราวเพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างความเชื่อมโยงกับผู้บริโภค

3. การใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Marketing)

  • การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer Marketing): การร่วมงานกับผู้มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อโปรโมทสินค้า
  • โฆษณาแบบชำระเงิน (Paid Advertising): การใช้เงินลงทุนในโฆษณาบนแพลตฟอร์มเช่น Facebook, Instagram, Twitter และ LinkedIn

4. การใช้เครื่องมือค้นหา (Search Engine Marketing)

  • การเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา (Search Engine Optimization, SEO): การปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมกับการค้นหาเพื่อเพิ่มการเข้าชมแบบธรรมชาติ
  • การโฆษณาผ่านเครื่องมือค้นหา (Search Engine Advertising, SEA): การใช้โฆษณาชำระเงินในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาเช่น Google Ads

5. การใช้เทคโนโลยีการติดตามผล (Analytics and Tracking)

  • การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics): การใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณา
  • การติดตามผลการโฆษณา (Conversion Tracking): การติดตามและวัดผลลัพธ์จากโฆษณาเพื่อปรับปรุงแคมเปญ

6. การสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience)

  • การออกแบบเว็บที่ตอบสนอง (Responsive Design): การออกแบบเว็บไซต์ให้สามารถใช้งานได้ดีทั้งในมือถือและเดสก์ท็อป
  • การสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดี (User Experience Design): การทำให้การใช้งานเว็บไซต์เป็นไปอย่างราบรื่นและง่ายดาย

7. การใช้โฆษณาทางอีเมล (Email Marketing)

  • การตลาดผ่านอีเมลแบบส่วนบุคคล (Personalized Email Marketing): การส่งอีเมลที่มีเนื้อหาตรงกับความสนใจของผู้รับ
  • การสร้างแคมเปญอีเมล (Email Campaigns): การวางแผนและสร้างแคมเปญอีเมลเพื่อส่งเสริมการขายหรือแจ้งข่าวสาร

การเลือกใช้เทคนิคเหล่านี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายของโฆษณา ควรผสมผสานและทดลองใช้หลาย ๆ เทคนิคเพื่อหาสิ่งที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ

บทส่งท้าย

การโฆษณาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายและสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างผู้บริโภคและสินค้า การเข้าใจหลักการและบทบาทของการโฆษณาจะช่วยให้สามารถออกแบบและวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
บริการปั้มไลค์ เพิ่มผู้ติดตาม ปั้มยอดวิว มีครบจบที่ Auto-Like.co

แชร์:

ความคิดเห็น:

หัวข้อเรื่อง