การทำ Remarketing คืออะไร ?
เพราะเหตุใดถึงควรทำการ Remarketing ?
ควรทำการ Remarketing เพราะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้ที่เคยแสดงความสนใจในสินค้าหรือบริการของเราให้กลายเป็นลูกค้าจริงได้มากขึ้น เนื่องจาก Remarketing เน้นไปที่กลุ่มคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจของเรา เช่น เคยเข้าชมเว็บไซต์หรือเคยดูสินค้าบางอย่าง ดังนั้นกลุ่มนี้จึงมีโอกาสสูงที่จะสนใจและกลับมาทำการซื้อสินค้า
นอกจากนี้ Remarketing ยังช่วยให้แบรนด์ของเราอยู่ในใจลูกค้าต่อเนื่อง และเป็นการใช้ทรัพยากรในการโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นลูกค้ามากที่สุด
การทำ Remarketing ส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร ?
การทำ Remarketing ส่งผลต่อธุรกิจในหลายด้าน ดังนี้
1. เพิ่มโอกาสในการขาย: Remarketing ช่วยกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายที่เคยสนใจสินค้าหรือบริการกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
2. ลดการสูญเสียโอกาส: ลูกค้าที่เคยเข้าชมเว็บไซต์หรือดูสินค้าของเราแล้วอาจลืมไปหรือยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ การทำ Remarketing จะช่วยเตือนให้พวกเขากลับมาพิจารณาอีกครั้ง
3. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรโฆษณา: Remarketing ช่วยให้การใช้จ่ายด้านโฆษณาเป็นไปอย่างคุ้มค่า โดยเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสเป็นลูกค้าสูง
4. สร้างการจดจำแบรนด์: การทำ Remarketing ทำให้แบรนด์ของเราอยู่ในสายตาลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำและสร้างความไว้วางใจได้มากขึ้น
5. เพิ่มอัตราการกลับมาใช้บริการ: ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าไปแล้วสามารถถูกดึงกลับมาเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการอื่น ๆ ได้ด้วย Remarketing ทำให้เพิ่มโอกาสในการสร้างความภักดีต่อแบรนด์
หลักการทำ Remarketing มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ?
หลักการทำ Remarketing มีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
1. กำหนดเป้าหมาย (Define Audience): ระบุว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะทำ Remarketing คือใคร เช่น ผู้ที่เคยเข้าชมหน้าเว็บไซต์เฉพาะ ผู้ที่เคยเพิ่มสินค้าลงตะกร้าแต่ยังไม่ได้ทำการซื้อ หรือผู้ที่เคยทำการซื้อสินค้าไปแล้ว
2. ติดตั้งโค้ดติดตาม (Install Tracking Code): ติดตั้งโค้ดติดตาม (เช่น Google Ads Remarketing Tag หรือ Facebook Pixel) บนเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชม
3. สร้างกลุ่มเป้าหมาย (Create Audience Segments): แบ่งกลุ่มผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ตามพฤติกรรม เช่น คนที่เคยเข้าชมหน้าโปรโมชั่น คนที่เคยเพิ่มสินค้าลงตะกร้า เป็นต้น เพื่อให้โฆษณาที่ทำ Remarketing มีความเฉพาะเจาะจงและตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
4. สร้างโฆษณา (Create Ads): สร้างโฆษณาที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้ข้อความและภาพที่ตรงกับความสนใจและพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชม เพื่อกระตุ้นให้พวกเขากลับมาทำการซื้อสินค้าหรือบริการ
5. เลือกช่องทางการโฆษณา (Select Advertising Channels): เลือกแพลตฟอร์มที่ต้องการทำ Remarketing เช่น Google Ads, Facebook, Instagram, หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่กลุ่มเป้าหมายใช้งานอยู่
6. กำหนดงบประมาณและระยะเวลา (Set Budget and Duration): กำหนดงบประมาณและระยะเวลาในการทำ Remarketing โดยพิจารณาจากความสำคัญของกลุ่มเป้าหมายและเป้าหมายทางธุรกิจ
7. ติดตามผลและปรับปรุง (Monitor and Optimize): ติดตามผลลัพธ์ของการทำ Remarketing เช่น อัตราการคลิก (CTR), อัตราการแปลง (Conversion Rate) และปรับปรุงแคมเปญตามข้อมูลที่ได้รับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้การทำ Remarketing เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น