ผู้ให้บริการด้าน Social Media Marketing อันดับ 1

ประเภท Google Ads ควรเลือกอย่างไร ? ให้เหมาะสมกับตลาด

ประเภท Google Ads ควรเลือกอย่างไร ? ให้เหมาะสมกับตลาด
Google Ads ระบบโฆษณาของ Google ที่ช่วยให้ธุรกิจและผู้ลงโฆษณาสามารถสร้างแคมเปญโฆษณาและแสดงโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Google รวมถึงการค้นหาบน Google, เว็บไซต์พันธมิตร (Google Display Network) และ YouTube โดย Google Ads ถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการสร้างการเข้าถึงและเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และการจัดการที่ดี SocialIn.One จะพาทุกท่านไปเรียนรู้กับ Google Ads ว่าคืออะไร และมีประเภทอะไรบ้าง ?

Google Ads แบ่งออกเป็นกี่ประเภท ?

Google Ads มีหลายประเภทที่สามารถเลือกใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่ต้องการ

1. Search Ads (โฆษณาแบบค้นหา)

โฆษณาแบบค้นหา (Search Ads) คือรูปแบบหนึ่งของโฆษณาที่แสดงอยู่ในหน้าผลการค้นหาของ Google เมื่อผู้ใช้ค้นหาด้วยคำหลัก (Keywords) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือบริการที่คุณกำลังโปรโมท

ลักษณะของ Search Ads

  • ข้อความโฆษณา: โฆษณาแบบค้นหาจะแสดงในรูปแบบของข้อความ โดยประกอบด้วยหัวข้อ (Headline), คำอธิบาย (Description), และลิงก์ (URL) ที่จะนำไปสู่หน้าเว็บไซต์ของคุณ
  • ตำแหน่งการแสดงผล: โฆษณาเหล่านี้จะแสดงอยู่ด้านบนสุดหรือล่างสุดของหน้าผลการค้นหา (SERP – Search Engine Results Page) และมักจะมีคำว่า “Ad” หรือ “โฆษณา” กำกับอยู่เพื่อแยกจากผลการค้นหาปกติ
  • ประสิทธิภาพ: โฆษณาแบบค้นหามักจะมีประสิทธิภาพสูงเพราะจะปรากฏต่อผู้ที่กำลังค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีโอกาสคลิกสูงเมื่อเทียบกับโฆษณาประเภทอื่นๆ
  • การตั้งค่าคำหลัก (Keywords): คุณสามารถเลือกคำหลักที่ต้องการให้โฆษณาของคุณแสดงเมื่อผู้ใช้ทำการค้นหา คำหลักเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดเป้าหมายผู้ชมที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ

Search Ads เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการดึงดูดผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะสนใจและพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการเมื่อพวกเขาค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องใน Google

2. Display Ads (โฆษณาแบบดิสเพลย์)

โฆษณาแบบดิสเพลย์ (Display Ads) เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของโฆษณาใน Google Ads ที่แสดงในลักษณะของภาพหรือกราฟิก โฆษณาเหล่านี้จะแสดงบนเว็บไซต์ที่เป็นพันธมิตรกับ Google ผ่านเครือข่ายดิสเพลย์ของ Google หรือที่รู้จักกันในชื่อ Google Display Network (GDN)

ลักษณะของ Display Ads

  • รูปแบบของโฆษณา: โฆษณาดิสเพลย์สามารถแสดงในรูปแบบของภาพนิ่ง, แบนเนอร์, วิดีโอสั้น, หรือภาพเคลื่อนไหว (GIF) ที่ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้
  • ตำแหน่งการแสดงผล: โฆษณาจะแสดงบนเว็บไซต์ต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Google Display Network ซึ่งครอบคลุมหลายล้านเว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, และวิดีโอทั่วโลก
  • การเข้าถึง: Google Display Network ช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ใช้ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในขั้นตอนการค้นหาโดยตรง แต่กำลังท่องเว็บไซต์หรือใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งอาจมีความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ
  • การกำหนดเป้าหมาย: คุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการโดยใช้ข้อมูลทางประชากรศาสตร์ (เช่น อายุ, เพศ, ที่ตั้ง), ความสนใจ, พฤติกรรมการใช้งาน, หรือการรีมาร์เก็ตติ้ง (Re-marketing) เพื่อติดตามผู้ใช้ที่เคยเข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณมาก่อน
  • ประสิทธิภาพ: Display Ads เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และกระตุ้นความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยอาจจะไม่เน้นที่การคลิกเพื่อซื้อสินค้าโดยตรงเหมือนกับ Search Ads

Display Ads เป็นเครื่องมือที่ดีในการเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์ในวงกว้างและสามารถปรับแต่งเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. Video Ads (โฆษณาวิดีโอ)

โฆษณาวิดีโอ (Video Ads) เป็นรูปแบบหนึ่งของโฆษณาใน Google Ads ที่แสดงในลักษณะของวิดีโอ โดยส่วนใหญ่จะแสดงบน YouTube และเว็บไซต์พันธมิตรอื่นๆ ของ Google ผ่าน Google Display Network โฆษณาวิดีโอสามารถแสดงในหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ทางการตลาดของคุณ

ลักษณะของ Video Ads

  • โฆษณาก่อนเล่นวิดีโอ (Pre-roll): โฆษณาวิดีโอที่แสดงก่อนวิดีโอหลักที่ผู้ใช้ต้องการชม โฆษณาประเภทนี้สามารถเป็นได้ทั้งแบบที่ข้ามได้ (Skippable) และแบบที่ข้ามไม่ได้ (Non-skippable)
  • โฆษณาที่ข้ามได้ (Skippable Ads): โฆษณาวิดีโอที่ผู้ใช้สามารถข้ามได้หลังจากผ่านไป 5 วินาที โฆษณาประเภทนี้ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาจ่ายเงินเฉพาะเมื่อผู้ใช้ดูวิดีโอไปจนถึงจุดหนึ่ง เช่น 30 วินาที หรือตลอดทั้งวิดีโอ หากวิดีโอมีความยาวน้อยกว่า 30 วินาที
  • โฆษณาที่ข้ามไม่ได้ (Non-skippable Ads): โฆษณาวิดีโอที่ผู้ใช้ไม่สามารถข้ามได้ และต้องชมโฆษณาจนจบ ความยาวของโฆษณาประเภทนี้มักจะอยู่ที่ 15-20 วินาที
  • โฆษณาวิดีโอแบบ Bumper Ads: โฆษณาวิดีโอสั้นที่มีความยาวไม่เกิน 6 วินาที โฆษณาประเภทนี้เป็นแบบที่ข้ามไม่ได้ (Non-skippable) และมักจะใช้เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในเวลาอันสั้น
  • โฆษณาในวิดีโอ (In-stream ads): โฆษณาวิดีโอที่สามารถแสดงได้ก่อน ระหว่าง (Mid-roll) หรือหลัง (Post-roll) วิดีโอหลัก โฆษณาเหล่านี้สามารถเป็นได้ทั้งแบบที่ข้ามได้และข้ามไม่ได้
  • โฆษณา Discovery (Discovery Ads): โฆษณาที่แสดงเป็นภาพขนาดย่อและข้อความที่ปรากฏบนหน้าผลการค้นหาของ YouTube หรือในหน้าวิดีโอที่แนะนำ โฆษณาประเภทนี้จะปรากฏเมื่อผู้ใช้คลิกเข้าไปชมเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ประโยชน์ของ Video Ads

  • การเข้าถึง: Video Ads สามารถเข้าถึงผู้ใช้จำนวนมากบน YouTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • การมีส่วนร่วม: วิดีโอเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูงในการดึงดูดความสนใจและสร้างความทรงจำให้กับผู้ชม ทำให้ Video Ads เป็นเครื่องมือที่ดีในการเล่าเรื่องราวแบรนด์และสร้างความรู้สึกต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ
  • การปรับแต่งเป้าหมาย: คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลประชากรศาสตร์ ความสนใจ พฤติกรรมการรับชม หรือแม้แต่รีมาร์เก็ตติ้งสำหรับผู้ที่เคยชมวิดีโอหรือเข้าชมเว็บไซต์ของคุณมาก่อน

Video Ads เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์ การกระตุ้นการมีส่วนร่วม และการสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดและจดจำง่ายสำหรับผู้ชม

Google Ads

4. Shopping Ads (โฆษณาช็อปปิ้ง)

โฆษณาช็อปปิ้ง (Shopping Ads) เป็นรูปแบบของโฆษณาใน Google Ads ที่ออกแบบมาเพื่อโปรโมทสินค้าโดยเฉพาะ โฆษณาเหล่านี้จะแสดงข้อมูลสินค้าที่ครบถ้วน เช่น ภาพสินค้า ราคา ชื่อร้านค้า และบางครั้งอาจมีข้อมูลเพิ่มเติม เช่น คะแนนรีวิวของสินค้า

ลักษณะของ Shopping Ads

  • ข้อมูลสินค้า: Shopping Ads จะแสดงภาพของสินค้า ชื่อสินค้า ราคา และชื่อร้านค้า ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสินค้าได้ทันที
  • ตำแหน่งการแสดงผล: โฆษณาช็อปปิ้งจะแสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เมื่อผู้ใช้ค้นหาด้วยคำหลักที่เกี่ยวข้อง มักจะปรากฏในส่วนที่เรียกว่า “Shopping” ซึ่งอยู่ด้านบนสุดหรือด้านข้างของหน้าผลการค้นหา นอกจากนี้ยังสามารถปรากฏในแท็บ “Shopping” บน Google ซึ่งเป็นส่วนที่รวบรวมโฆษณาสินค้าทั้งหมด
  • การแสดงผลในหลายแพลตฟอร์ม: นอกจากหน้าผลการค้นหาของ Google แล้ว Shopping Ads ยังสามารถแสดงบน YouTube, Google Display Network, และ Google Shopping

ประโยชน์ของ Shopping Ads

  • ประสิทธิภาพในการดึงดูดลูกค้า: เนื่องจาก Shopping Ads แสดงภาพสินค้าพร้อมกับข้อมูลสำคัญ เช่น ราคาและชื่อร้านค้า ผู้ใช้จึงสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะคลิกเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือไม่
  • การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ตรงเป้าหมาย: Shopping Ads จะแสดงต่อผู้ที่มีแนวโน้มจะสนใจในสินค้าอย่างแท้จริง เนื่องจากพวกเขามักจะค้นหาด้วยคำหลักที่เจาะจงเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ
  • ความสะดวกในการจัดการ: ผู้ลงโฆษณาสามารถจัดการสินค้าที่แสดงใน Shopping Ads ผ่าน Google Merchant Center ซึ่งจะดึงข้อมูลจากฟีดสินค้าของคุณโดยอัตโนมัติ

Shopping Ads เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับธุรกิจที่ต้องการโปรโมทสินค้าออนไลน์ เนื่องจากสามารถดึงดูดลูกค้าที่มีความพร้อมในการซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. App Ads (โฆษณาแอป)

โฆษณาแอป (App Ads) เป็นประเภทหนึ่งของโฆษณาใน Google Ads ที่ออกแบบมาเพื่อโปรโมทแอปพลิเคชันโดยเฉพาะ โฆษณาเหล่านี้ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถดึงดูดผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดหรือติดตั้งแอปพลิเคชันของตนบนแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ Google มีให้บริการ

ลักษณะของ App Ads

  • การแสดงผลบนแพลตฟอร์มหลายรูปแบบ: App Ads จะแสดงผลในหลากหลายแพลตฟอร์มของ Google รวมถึง Google Search, Google Play, YouTube, Google Display Network และในแอปพลิเคชันที่เป็นพันธมิตรกับ Google (ใน Google AdMob)
  • การสร้างโฆษณาอัตโนมัติ: ผู้ลงโฆษณาไม่จำเป็นต้องออกแบบโฆษณาเอง เนื่องจาก Google จะใช้ข้อมูลจากรายการแอปของคุณ เช่น ชื่อแอป คำอธิบาย แอปไอคอน และภาพหน้าจอ เพื่อสร้างโฆษณาในรูปแบบต่างๆ โดยอัตโนมัติ
  • การกำหนดเป้าหมายแบบอัจฉริยะ: ระบบของ Google จะใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ในการปรับปรุงและปรับแต่งโฆษณาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น เลือกตำแหน่งและเวลาที่เหมาะสมในการแสดงโฆษณาเพื่อดึงดูดผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดแอป

ประโยชน์ของ App Ads

  • การเข้าถึงผู้ใช้ที่มีแนวโน้มสนใจสูง: Google ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการกำหนดเป้าหมายโฆษณาเพื่อเข้าถึงผู้ที่มีแนวโน้มจะสนใจและดาวน์โหลดแอปของคุณ
  • การประหยัดเวลา: เนื่องจาก Google จะจัดการสร้างและปรับแต่งโฆษณาโดยอัตโนมัติ ผู้ลงโฆษณาจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาสร้างโฆษณาเอง
  • การติดตามและปรับปรุงผลลัพธ์: คุณสามารถติดตามผลลัพธ์ของโฆษณา เช่น จำนวนการดาวน์โหลดหรือติดตั้งแอป และปรับปรุงการตั้งค่าการประมูลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

App Ads เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการโปรโมทแอปพลิเคชันของคุณในวงกว้างและบนหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะดาวน์โหลดและใช้งานแอปของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. Smart Ads (โฆษณาอัจฉริยะ)

โฆษณาอัจฉริยะ (Smart Ads) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Smart Campaigns เป็นประเภทหนึ่งของโฆษณาใน Google Ads ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ลงโฆษณาจัดการแคมเปญโฆษณาอย่างง่ายดายโดยใช้ระบบอัตโนมัติ การทำงานของโฆษณาอัจฉริยะอาศัยการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ในการประมวลผลข้อมูลและปรับแต่งแคมเปญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ลักษณะของ Smart Ads

  • การจัดการอัตโนมัติ: โฆษณาอัจฉริยะช่วยลดความซับซ้อนในการตั้งค่าแคมเปญโฆษณา โดยที่ระบบจะทำการเลือกคำหลัก กำหนดงบประมาณ และกำหนดเป้าหมายกลุ่มผู้ชมโดยอัตโนมัติ ผู้ลงโฆษณาเพียงแค่ต้องระบุวัตถุประสงค์หลัก เช่น เพิ่มจำนวนคลิกไปยังเว็บไซต์หรือเพิ่มการโทรเข้ามายังธุรกิจ
  • การเรียนรู้ของเครื่อง: ระบบของ Google จะใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ในการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ข้อมูลจากผลลัพธ์ของแคมเปญเพื่อปรับแต่งการแสดงผลโฆษณาให้เหมาะสมกับเป้าหมาย
  • การติดตามผลลัพธ์ที่สำคัญ: Smart Ads สามารถตั้งค่าเพื่อติดตามผลลัพธ์ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ เช่น การโทรเข้ามาจากโฆษณา การเข้าชมเว็บไซต์ การส่งแบบฟอร์ม หรือการเยี่ยมชมร้านค้า ซึ่งช่วยให้คุณสามารถวัดความสำเร็จของแคมเปญได้อย่างชัดเจน

ประโยชน์ของ Smart Ads

  • ประหยัดเวลาและความพยายาม: เนื่องจากระบบจะจัดการและปรับแต่งแคมเปญให้โดยอัตโนมัติ ผู้ลงโฆษณาจึงไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในด้านการตลาดออนไลน์เพื่อใช้ Smart Ads
  • การเพิ่มผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ: Smart Ads ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้และประสิทธิภาพของแคมเปญในการเรียนรู้และปรับปรุงผลลัพธ์ ทำให้แคมเปญมีโอกาสสูงขึ้นในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
  • ความยืดหยุ่นในการใช้งาน: Smart Ads เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือผู้ลงโฆษณาที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีโดยไม่ต้องใช้เวลามากในการตั้งค่าและบริหารจัดการแคมเปญ

Smart Ads เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องลงแรงมากในการตั้งค่าและจัดการแคมเปญโฆษณา

Google Adsense

7. Local Ads (โฆษณาในพื้นที่)

Local Ads (โฆษณาในพื้นที่) เป็นประเภทของโฆษณาใน Google Ads ที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะ โดยเน้นการเพิ่มการเยี่ยมชมร้านค้าจริงหรือการติดต่อทางโทรศัพท์จากผู้ใช้ที่อยู่ใกล้เคียง โฆษณาเหล่านี้จะแสดงในหลายแพลตฟอร์มของ Google เช่น Google Search, Google Maps, และเครือข่ายพันธมิตรของ Google

ลักษณะของ Local Ads

  • การแสดงผลในพื้นที่เฉพาะ: Local Ads ถูกออกแบบมาเพื่อแสดงต่อผู้ใช้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับธุรกิจของคุณ เช่น เมื่อลูกค้าค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณใน Google Search หรือ Google Maps โฆษณาของคุณจะปรากฏขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีแนวโน้มจะเข้ามาเยี่ยมชมร้านค้าหรือใช้บริการ
  • การเน้นข้อมูลธุรกิจ: โฆษณาจะเน้นข้อมูลสำคัญ เช่น ที่ตั้งธุรกิจ เวลาเปิดทำการ เบอร์โทรศัพท์ รีวิว และภาพของธุรกิจ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
  • การแสดงผลในหลายแพลตฟอร์ม: นอกจาก Google Search และ Google Maps แล้ว โฆษณายังสามารถแสดงบน Google Display Network และ YouTube ซึ่งช่วยขยายการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ให้กว้างขึ้น

ประโยชน์ของ Local Ads

  • การดึงดูดลูกค้าที่อยู่ใกล้เคียง: Local Ads ช่วยให้ธุรกิจสามารถดึงดูดลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการเยี่ยมชมร้านค้าหรือใช้บริการ
  • การเพิ่มการรับรู้ในพื้นที่: โฆษณาจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นในพื้นที่นั้นๆ ทำให้ลูกค้าที่อยู่ใกล้เคียงมีความคุ้นเคยกับธุรกิจของคุณ
  • การกระตุ้นการเข้าชมร้านค้าจริง: เนื่องจากโฆษณาเน้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น ที่ตั้งและเวลาเปิดทำการ Local Ads จึงเป็นเครื่องมือที่ดีในการกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมร้านค้าหรือใช้บริการในสถานที่จริง

Local Ads เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับธุรกิจท้องถิ่นที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่เฉพาะ โดยช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าที่มีความสนใจและมีแนวโน้มจะเข้ามาใช้บริการในร้านค้าได้มากขึ้น

8. Discovery Ads (โฆษณาค้นพบ)

Discovery Ads (โฆษณาค้นพบ) เป็นประเภทของโฆษณาใน Google Ads ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้ในขณะที่พวกเขากำลังสำรวจเนื้อหาใหม่ๆ ในแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Google โดยเฉพาะใน YouTube และ Google Discover รวมถึง Gmail

ลักษณะของ Discovery Ads

  • การแสดงผลในฟีดค้นพบ: Discovery Ads จะปรากฏในฟีดของ Google Discover ซึ่งเป็นฟีดข่าวและเนื้อหาที่ปรับแต่งตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ ฟีดนี้สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอป Google บนอุปกรณ์มือถือ
  • การแสดงผลในหน้าแรกของ YouTube: โฆษณาจะปรากฏในฟีดการแนะนำของ YouTube บนหน้าแรก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้ใช้สำรวจวิดีโอใหม่ๆ ที่น่าสนใจ
  • การแสดงผลใน Gmail: Discovery Ads ยังสามารถแสดงใน Gmail โดยปรากฏในส่วนของโปรโมชั่นหรือฟีดที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจอีเมล

ประโยชน์ของ Discovery Ads

  • การเข้าถึงผู้ใช้ที่กำลังสำรวจ: Discovery Ads ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้ในขณะที่พวกเขากำลังสำรวจเนื้อหาใหม่ๆ โดยยังไม่ได้ตัดสินใจหรือค้นหาโดยเฉพาะ ทำให้มีโอกาสในการดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
  • การสร้างการรับรู้แบรนด์: เนื่องจากโฆษณาจะปรากฏในพื้นที่ที่มีการสำรวจเนื้อหาต่างๆ Discovery Ads ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์และเพิ่มโอกาสในการสร้างความสนใจในธุรกิจของคุณ
  • การกระตุ้นการมีส่วนร่วม: การใช้รูปภาพที่ดึงดูดและข้อความที่กระตุ้นสามารถช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และสร้างการตอบสนองที่ดีต่อโฆษณา

Discovery Ads เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการเข้าถึงและดึงดูดกลุ่มผู้ใช้ที่สนใจสำรวจเนื้อหาใหม่ๆ ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถสร้างการรับรู้และกระตุ้นความสนใจในขณะที่ผู้ใช้กำลังค้นหาสิ่งใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มของ Google

บทส่งท้าย

แต่ละประเภทของ Google Ads เหล่านี้มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้ต้องการโปรโมทสินค้า บริการ หรือแบรนด์ในรูปแบบใด
บริการปั้มไลค์ เพิ่มผู้ติดตาม ปั้มยอดวิว มีครบจบที่ Auto-Like.co

แชร์:

ความคิดเห็น:

หัวข้อเรื่อง