Google Ads แบ่งออกเป็นกี่ประเภท ?
Google Ads มีหลายประเภทที่สามารถเลือกใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่ต้องการ
1. Search Ads (โฆษณาแบบค้นหา)
โฆษณาแบบค้นหา (Search Ads) คือรูปแบบหนึ่งของโฆษณาที่แสดงอยู่ในหน้าผลการค้นหาของ Google เมื่อผู้ใช้ค้นหาด้วยคำหลัก (Keywords) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือบริการที่คุณกำลังโปรโมท
ลักษณะของ Search Ads
- ข้อความโฆษณา: โฆษณาแบบค้นหาจะแสดงในรูปแบบของข้อความ โดยประกอบด้วยหัวข้อ (Headline), คำอธิบาย (Description), และลิงก์ (URL) ที่จะนำไปสู่หน้าเว็บไซต์ของคุณ
- ตำแหน่งการแสดงผล: โฆษณาเหล่านี้จะแสดงอยู่ด้านบนสุดหรือล่างสุดของหน้าผลการค้นหา (SERP – Search Engine Results Page) และมักจะมีคำว่า “Ad” หรือ “โฆษณา” กำกับอยู่เพื่อแยกจากผลการค้นหาปกติ
- ประสิทธิภาพ: โฆษณาแบบค้นหามักจะมีประสิทธิภาพสูงเพราะจะปรากฏต่อผู้ที่กำลังค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีโอกาสคลิกสูงเมื่อเทียบกับโฆษณาประเภทอื่นๆ
- การตั้งค่าคำหลัก (Keywords): คุณสามารถเลือกคำหลักที่ต้องการให้โฆษณาของคุณแสดงเมื่อผู้ใช้ทำการค้นหา คำหลักเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดเป้าหมายผู้ชมที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
Search Ads เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการดึงดูดผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะสนใจและพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการเมื่อพวกเขาค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องใน Google
2. Display Ads (โฆษณาแบบดิสเพลย์)
โฆษณาแบบดิสเพลย์ (Display Ads) เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของโฆษณาใน Google Ads ที่แสดงในลักษณะของภาพหรือกราฟิก โฆษณาเหล่านี้จะแสดงบนเว็บไซต์ที่เป็นพันธมิตรกับ Google ผ่านเครือข่ายดิสเพลย์ของ Google หรือที่รู้จักกันในชื่อ Google Display Network (GDN)
ลักษณะของ Display Ads
- รูปแบบของโฆษณา: โฆษณาดิสเพลย์สามารถแสดงในรูปแบบของภาพนิ่ง, แบนเนอร์, วิดีโอสั้น, หรือภาพเคลื่อนไหว (GIF) ที่ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้
- ตำแหน่งการแสดงผล: โฆษณาจะแสดงบนเว็บไซต์ต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Google Display Network ซึ่งครอบคลุมหลายล้านเว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, และวิดีโอทั่วโลก
- การเข้าถึง: Google Display Network ช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ใช้ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในขั้นตอนการค้นหาโดยตรง แต่กำลังท่องเว็บไซต์หรือใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งอาจมีความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ
- การกำหนดเป้าหมาย: คุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการโดยใช้ข้อมูลทางประชากรศาสตร์ (เช่น อายุ, เพศ, ที่ตั้ง), ความสนใจ, พฤติกรรมการใช้งาน, หรือการรีมาร์เก็ตติ้ง (Re-marketing) เพื่อติดตามผู้ใช้ที่เคยเข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณมาก่อน
- ประสิทธิภาพ: Display Ads เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และกระตุ้นความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยอาจจะไม่เน้นที่การคลิกเพื่อซื้อสินค้าโดยตรงเหมือนกับ Search Ads
Display Ads เป็นเครื่องมือที่ดีในการเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์ในวงกว้างและสามารถปรับแต่งเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. Video Ads (โฆษณาวิดีโอ)
โฆษณาวิดีโอ (Video Ads) เป็นรูปแบบหนึ่งของโฆษณาใน Google Ads ที่แสดงในลักษณะของวิดีโอ โดยส่วนใหญ่จะแสดงบน YouTube และเว็บไซต์พันธมิตรอื่นๆ ของ Google ผ่าน Google Display Network โฆษณาวิดีโอสามารถแสดงในหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ทางการตลาดของคุณ
ลักษณะของ Video Ads
- โฆษณาก่อนเล่นวิดีโอ (Pre-roll): โฆษณาวิดีโอที่แสดงก่อนวิดีโอหลักที่ผู้ใช้ต้องการชม โฆษณาประเภทนี้สามารถเป็นได้ทั้งแบบที่ข้ามได้ (Skippable) และแบบที่ข้ามไม่ได้ (Non-skippable)
- โฆษณาที่ข้ามได้ (Skippable Ads): โฆษณาวิดีโอที่ผู้ใช้สามารถข้ามได้หลังจากผ่านไป 5 วินาที โฆษณาประเภทนี้ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาจ่ายเงินเฉพาะเมื่อผู้ใช้ดูวิดีโอไปจนถึงจุดหนึ่ง เช่น 30 วินาที หรือตลอดทั้งวิดีโอ หากวิดีโอมีความยาวน้อยกว่า 30 วินาที
- โฆษณาที่ข้ามไม่ได้ (Non-skippable Ads): โฆษณาวิดีโอที่ผู้ใช้ไม่สามารถข้ามได้ และต้องชมโฆษณาจนจบ ความยาวของโฆษณาประเภทนี้มักจะอยู่ที่ 15-20 วินาที
- โฆษณาวิดีโอแบบ Bumper Ads: โฆษณาวิดีโอสั้นที่มีความยาวไม่เกิน 6 วินาที โฆษณาประเภทนี้เป็นแบบที่ข้ามไม่ได้ (Non-skippable) และมักจะใช้เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในเวลาอันสั้น
- โฆษณาในวิดีโอ (In-stream ads): โฆษณาวิดีโอที่สามารถแสดงได้ก่อน ระหว่าง (Mid-roll) หรือหลัง (Post-roll) วิดีโอหลัก โฆษณาเหล่านี้สามารถเป็นได้ทั้งแบบที่ข้ามได้และข้ามไม่ได้
- โฆษณา Discovery (Discovery Ads): โฆษณาที่แสดงเป็นภาพขนาดย่อและข้อความที่ปรากฏบนหน้าผลการค้นหาของ YouTube หรือในหน้าวิดีโอที่แนะนำ โฆษณาประเภทนี้จะปรากฏเมื่อผู้ใช้คลิกเข้าไปชมเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ประโยชน์ของ Video Ads
- การเข้าถึง: Video Ads สามารถเข้าถึงผู้ใช้จำนวนมากบน YouTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- การมีส่วนร่วม: วิดีโอเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูงในการดึงดูดความสนใจและสร้างความทรงจำให้กับผู้ชม ทำให้ Video Ads เป็นเครื่องมือที่ดีในการเล่าเรื่องราวแบรนด์และสร้างความรู้สึกต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ
- การปรับแต่งเป้าหมาย: คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลประชากรศาสตร์ ความสนใจ พฤติกรรมการรับชม หรือแม้แต่รีมาร์เก็ตติ้งสำหรับผู้ที่เคยชมวิดีโอหรือเข้าชมเว็บไซต์ของคุณมาก่อน
Video Ads เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์ การกระตุ้นการมีส่วนร่วม และการสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดและจดจำง่ายสำหรับผู้ชม
4. Shopping Ads (โฆษณาช็อปปิ้ง)
โฆษณาช็อปปิ้ง (Shopping Ads) เป็นรูปแบบของโฆษณาใน Google Ads ที่ออกแบบมาเพื่อโปรโมทสินค้าโดยเฉพาะ โฆษณาเหล่านี้จะแสดงข้อมูลสินค้าที่ครบถ้วน เช่น ภาพสินค้า ราคา ชื่อร้านค้า และบางครั้งอาจมีข้อมูลเพิ่มเติม เช่น คะแนนรีวิวของสินค้า
ลักษณะของ Shopping Ads
- ข้อมูลสินค้า: Shopping Ads จะแสดงภาพของสินค้า ชื่อสินค้า ราคา และชื่อร้านค้า ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสินค้าได้ทันที
- ตำแหน่งการแสดงผล: โฆษณาช็อปปิ้งจะแสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เมื่อผู้ใช้ค้นหาด้วยคำหลักที่เกี่ยวข้อง มักจะปรากฏในส่วนที่เรียกว่า “Shopping” ซึ่งอยู่ด้านบนสุดหรือด้านข้างของหน้าผลการค้นหา นอกจากนี้ยังสามารถปรากฏในแท็บ “Shopping” บน Google ซึ่งเป็นส่วนที่รวบรวมโฆษณาสินค้าทั้งหมด
- การแสดงผลในหลายแพลตฟอร์ม: นอกจากหน้าผลการค้นหาของ Google แล้ว Shopping Ads ยังสามารถแสดงบน YouTube, Google Display Network, และ Google Shopping
ประโยชน์ของ Shopping Ads
- ประสิทธิภาพในการดึงดูดลูกค้า: เนื่องจาก Shopping Ads แสดงภาพสินค้าพร้อมกับข้อมูลสำคัญ เช่น ราคาและชื่อร้านค้า ผู้ใช้จึงสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะคลิกเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือไม่
- การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ตรงเป้าหมาย: Shopping Ads จะแสดงต่อผู้ที่มีแนวโน้มจะสนใจในสินค้าอย่างแท้จริง เนื่องจากพวกเขามักจะค้นหาด้วยคำหลักที่เจาะจงเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ
- ความสะดวกในการจัดการ: ผู้ลงโฆษณาสามารถจัดการสินค้าที่แสดงใน Shopping Ads ผ่าน Google Merchant Center ซึ่งจะดึงข้อมูลจากฟีดสินค้าของคุณโดยอัตโนมัติ
Shopping Ads เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับธุรกิจที่ต้องการโปรโมทสินค้าออนไลน์ เนื่องจากสามารถดึงดูดลูกค้าที่มีความพร้อมในการซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. App Ads (โฆษณาแอป)
โฆษณาแอป (App Ads) เป็นประเภทหนึ่งของโฆษณาใน Google Ads ที่ออกแบบมาเพื่อโปรโมทแอปพลิเคชันโดยเฉพาะ โฆษณาเหล่านี้ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถดึงดูดผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดหรือติดตั้งแอปพลิเคชันของตนบนแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ Google มีให้บริการ
ลักษณะของ App Ads
- การแสดงผลบนแพลตฟอร์มหลายรูปแบบ: App Ads จะแสดงผลในหลากหลายแพลตฟอร์มของ Google รวมถึง Google Search, Google Play, YouTube, Google Display Network และในแอปพลิเคชันที่เป็นพันธมิตรกับ Google (ใน Google AdMob)
- การสร้างโฆษณาอัตโนมัติ: ผู้ลงโฆษณาไม่จำเป็นต้องออกแบบโฆษณาเอง เนื่องจาก Google จะใช้ข้อมูลจากรายการแอปของคุณ เช่น ชื่อแอป คำอธิบาย แอปไอคอน และภาพหน้าจอ เพื่อสร้างโฆษณาในรูปแบบต่างๆ โดยอัตโนมัติ
- การกำหนดเป้าหมายแบบอัจฉริยะ: ระบบของ Google จะใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ในการปรับปรุงและปรับแต่งโฆษณาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น เลือกตำแหน่งและเวลาที่เหมาะสมในการแสดงโฆษณาเพื่อดึงดูดผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดแอป
ประโยชน์ของ App Ads
- การเข้าถึงผู้ใช้ที่มีแนวโน้มสนใจสูง: Google ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการกำหนดเป้าหมายโฆษณาเพื่อเข้าถึงผู้ที่มีแนวโน้มจะสนใจและดาวน์โหลดแอปของคุณ
- การประหยัดเวลา: เนื่องจาก Google จะจัดการสร้างและปรับแต่งโฆษณาโดยอัตโนมัติ ผู้ลงโฆษณาจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาสร้างโฆษณาเอง
- การติดตามและปรับปรุงผลลัพธ์: คุณสามารถติดตามผลลัพธ์ของโฆษณา เช่น จำนวนการดาวน์โหลดหรือติดตั้งแอป และปรับปรุงการตั้งค่าการประมูลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
App Ads เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการโปรโมทแอปพลิเคชันของคุณในวงกว้างและบนหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้ที่มีแนวโน้มจะดาวน์โหลดและใช้งานแอปของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. Smart Ads (โฆษณาอัจฉริยะ)
โฆษณาอัจฉริยะ (Smart Ads) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Smart Campaigns เป็นประเภทหนึ่งของโฆษณาใน Google Ads ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ลงโฆษณาจัดการแคมเปญโฆษณาอย่างง่ายดายโดยใช้ระบบอัตโนมัติ การทำงานของโฆษณาอัจฉริยะอาศัยการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ในการประมวลผลข้อมูลและปรับแต่งแคมเปญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ลักษณะของ Smart Ads
- การจัดการอัตโนมัติ: โฆษณาอัจฉริยะช่วยลดความซับซ้อนในการตั้งค่าแคมเปญโฆษณา โดยที่ระบบจะทำการเลือกคำหลัก กำหนดงบประมาณ และกำหนดเป้าหมายกลุ่มผู้ชมโดยอัตโนมัติ ผู้ลงโฆษณาเพียงแค่ต้องระบุวัตถุประสงค์หลัก เช่น เพิ่มจำนวนคลิกไปยังเว็บไซต์หรือเพิ่มการโทรเข้ามายังธุรกิจ
- การเรียนรู้ของเครื่อง: ระบบของ Google จะใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ในการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ข้อมูลจากผลลัพธ์ของแคมเปญเพื่อปรับแต่งการแสดงผลโฆษณาให้เหมาะสมกับเป้าหมาย
- การติดตามผลลัพธ์ที่สำคัญ: Smart Ads สามารถตั้งค่าเพื่อติดตามผลลัพธ์ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ เช่น การโทรเข้ามาจากโฆษณา การเข้าชมเว็บไซต์ การส่งแบบฟอร์ม หรือการเยี่ยมชมร้านค้า ซึ่งช่วยให้คุณสามารถวัดความสำเร็จของแคมเปญได้อย่างชัดเจน
ประโยชน์ของ Smart Ads
- ประหยัดเวลาและความพยายาม: เนื่องจากระบบจะจัดการและปรับแต่งแคมเปญให้โดยอัตโนมัติ ผู้ลงโฆษณาจึงไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในด้านการตลาดออนไลน์เพื่อใช้ Smart Ads
- การเพิ่มผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ: Smart Ads ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้และประสิทธิภาพของแคมเปญในการเรียนรู้และปรับปรุงผลลัพธ์ ทำให้แคมเปญมีโอกาสสูงขึ้นในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
- ความยืดหยุ่นในการใช้งาน: Smart Ads เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือผู้ลงโฆษณาที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีโดยไม่ต้องใช้เวลามากในการตั้งค่าและบริหารจัดการแคมเปญ
Smart Ads เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องลงแรงมากในการตั้งค่าและจัดการแคมเปญโฆษณา
7. Local Ads (โฆษณาในพื้นที่)
Local Ads (โฆษณาในพื้นที่) เป็นประเภทของโฆษณาใน Google Ads ที่ออกแบบมาเพื่อดึงดูดลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะ โดยเน้นการเพิ่มการเยี่ยมชมร้านค้าจริงหรือการติดต่อทางโทรศัพท์จากผู้ใช้ที่อยู่ใกล้เคียง โฆษณาเหล่านี้จะแสดงในหลายแพลตฟอร์มของ Google เช่น Google Search, Google Maps, และเครือข่ายพันธมิตรของ Google
ลักษณะของ Local Ads
- การแสดงผลในพื้นที่เฉพาะ: Local Ads ถูกออกแบบมาเพื่อแสดงต่อผู้ใช้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับธุรกิจของคุณ เช่น เมื่อลูกค้าค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณใน Google Search หรือ Google Maps โฆษณาของคุณจะปรากฏขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีแนวโน้มจะเข้ามาเยี่ยมชมร้านค้าหรือใช้บริการ
- การเน้นข้อมูลธุรกิจ: โฆษณาจะเน้นข้อมูลสำคัญ เช่น ที่ตั้งธุรกิจ เวลาเปิดทำการ เบอร์โทรศัพท์ รีวิว และภาพของธุรกิจ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
- การแสดงผลในหลายแพลตฟอร์ม: นอกจาก Google Search และ Google Maps แล้ว โฆษณายังสามารถแสดงบน Google Display Network และ YouTube ซึ่งช่วยขยายการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ให้กว้างขึ้น
ประโยชน์ของ Local Ads
- การดึงดูดลูกค้าที่อยู่ใกล้เคียง: Local Ads ช่วยให้ธุรกิจสามารถดึงดูดลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการเยี่ยมชมร้านค้าหรือใช้บริการ
- การเพิ่มการรับรู้ในพื้นที่: โฆษณาจะช่วยให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นในพื้นที่นั้นๆ ทำให้ลูกค้าที่อยู่ใกล้เคียงมีความคุ้นเคยกับธุรกิจของคุณ
- การกระตุ้นการเข้าชมร้านค้าจริง: เนื่องจากโฆษณาเน้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น ที่ตั้งและเวลาเปิดทำการ Local Ads จึงเป็นเครื่องมือที่ดีในการกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมร้านค้าหรือใช้บริการในสถานที่จริง
Local Ads เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับธุรกิจท้องถิ่นที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่เฉพาะ โดยช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าที่มีความสนใจและมีแนวโน้มจะเข้ามาใช้บริการในร้านค้าได้มากขึ้น
8. Discovery Ads (โฆษณาค้นพบ)
Discovery Ads (โฆษณาค้นพบ) เป็นประเภทของโฆษณาใน Google Ads ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้ในขณะที่พวกเขากำลังสำรวจเนื้อหาใหม่ๆ ในแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Google โดยเฉพาะใน YouTube และ Google Discover รวมถึง Gmail
ลักษณะของ Discovery Ads
- การแสดงผลในฟีดค้นพบ: Discovery Ads จะปรากฏในฟีดของ Google Discover ซึ่งเป็นฟีดข่าวและเนื้อหาที่ปรับแต่งตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ ฟีดนี้สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอป Google บนอุปกรณ์มือถือ
- การแสดงผลในหน้าแรกของ YouTube: โฆษณาจะปรากฏในฟีดการแนะนำของ YouTube บนหน้าแรก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้ใช้สำรวจวิดีโอใหม่ๆ ที่น่าสนใจ
- การแสดงผลใน Gmail: Discovery Ads ยังสามารถแสดงใน Gmail โดยปรากฏในส่วนของโปรโมชั่นหรือฟีดที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจอีเมล
ประโยชน์ของ Discovery Ads
- การเข้าถึงผู้ใช้ที่กำลังสำรวจ: Discovery Ads ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้ในขณะที่พวกเขากำลังสำรวจเนื้อหาใหม่ๆ โดยยังไม่ได้ตัดสินใจหรือค้นหาโดยเฉพาะ ทำให้มีโอกาสในการดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
- การสร้างการรับรู้แบรนด์: เนื่องจากโฆษณาจะปรากฏในพื้นที่ที่มีการสำรวจเนื้อหาต่างๆ Discovery Ads ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์และเพิ่มโอกาสในการสร้างความสนใจในธุรกิจของคุณ
- การกระตุ้นการมีส่วนร่วม: การใช้รูปภาพที่ดึงดูดและข้อความที่กระตุ้นสามารถช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และสร้างการตอบสนองที่ดีต่อโฆษณา
Discovery Ads เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการเข้าถึงและดึงดูดกลุ่มผู้ใช้ที่สนใจสำรวจเนื้อหาใหม่ๆ ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถสร้างการรับรู้และกระตุ้นความสนใจในขณะที่ผู้ใช้กำลังค้นหาสิ่งใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มของ Google