ผู้ให้บริการด้าน Social Media Marketing อันดับ 1

โปรโมทโฆษณา Google ให้ปัง ต้องเลือกคีย์เวิร์ดอย่างไร ?

โปรโมทโฆษณา Google ให้ปัง ต้องเลือกคีย์เวิร์ดอย่างไร ?
การโปรโมทโฆษณา Google Ads ให้มีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดีต้องใช้กลยุทธ์ที่รอบคอบและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด ต่อไปนี้เป็นแนวทางที่จะช่วยให้โฆษณาของคุณปังยิ่งขึ้น SocialIn.One จะพาไปเรียนรู้วิธีการคัดเลือกคีย์เวิร์ด เพื่อนำมาโปรโมทโฆษณา Google โดยจะมีวิธีเลือกอย่างไร ไปรับชมกันเลย

การเลือกคีย์เวิร์ดลงโฆษณา Google พิจารณาจากอะไร ?

การเลือกคีย์เวิร์ดสำหรับการลงโฆษณาบน Google (Google Ads) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คีย์เวิร์ดที่เลือกจะต้องสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแคมเปญการตลาด ด้านล่างนี้เป็นปัจจัยที่ควรพิจารณา

1. ความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ: คีย์เวิร์ดที่เลือกควรเกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ หรือเนื้อหาที่เว็บไซต์ของคุณนำเสนอ เพื่อให้ผู้ที่ค้นหาเข้ามาพบข้อมูลที่ตรงกับความต้องการจริง ๆ

2. ปริมาณการค้นหา (Search Volume): คีย์เวิร์ดควรมีปริมาณการค้นหาที่เพียงพอเพื่อให้มีโอกาสสูงในการแสดงผลโฆษณา แต่ไม่ควรเลือกคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาสูงเกินไปจนเกิดการแข่งขันสูงและอาจต้องใช้ค่าใช้จ่ายต่อคลิก (CPC) สูง

3. ความตั้งใจของผู้ค้นหา (Search Intent): ต้องพิจารณาว่าผู้ค้นหาที่ใช้คีย์เวิร์ดนั้น ๆ มีความตั้งใจที่จะซื้อสินค้าหรือบริการของคุณหรือไม่ เช่น คีย์เวิร์ดที่มีคำว่า “ซื้อ,” “ราคา,” หรือ “โปรโมชั่น” อาจแสดงถึงความตั้งใจในการซื้อที่ชัดเจน

4. ค่าใช้จ่ายต่อคลิก (Cost-Per-Click, CPC): พิจารณาค่าใช้จ่ายต่อคลิกของคีย์เวิร์ดที่คุณเลือก โดยเปรียบเทียบกับงบประมาณโฆษณาของคุณ คีย์เวิร์ดที่มีค่า CPC สูงอาจไม่เหมาะสมหากงบประมาณของคุณจำกัด

5. การแข่งขัน (Competition): วิเคราะห์การแข่งขันของคีย์เวิร์ดนั้น ๆ หากมีการแข่งขันสูง คุณอาจต้องใช้กลยุทธ์เพิ่มเติม เช่น การใช้คีย์เวิร์ดแบบ Long-tail ที่มีการแข่งขันต่ำกว่า

6. การใช้คีย์เวิร์ดเชิงลบ (Negative Keywords): การใช้คีย์เวิร์ดเชิงลบช่วยป้องกันไม่ให้โฆษณาของคุณปรากฏเมื่อมีการค้นหาคำที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งช่วยประหยัดงบประมาณและเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณา

7. การทดลองและการปรับปรุง (Testing and Optimization): หลังจากที่เริ่มรันโฆษณาแล้ว ควรตรวจสอบประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ดที่เลือก และทำการปรับปรุงโดยการเพิ่ม หรือลดคีย์เวิร์ดตามผลลัพธ์ที่ได้รับ

การเลือกคีย์เวิร์ดที่ดีต้องผ่านการวิเคราะห์และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าโฆษณาของคุณสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด

โฆษณา Google

คีย์เวิร์ดลงโฆษณา Google มีกี่ประเภท ?

คีย์เวิร์ดสำหรับการลงโฆษณาบน Google Ads สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่

1. Broad Match (คำหลักแบบกว้าง)

เป็นประเภทที่ครอบคลุมกว้างที่สุด โฆษณาของคุณจะปรากฏขึ้นเมื่อมีการค้นหาที่เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับคำหลัก ไม่ว่าจะเป็นคำที่มีการสะกดผิด คำพ้องความหมาย หรือคำที่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่าง: หากคำหลักคือ “รองเท้าวิ่ง” โฆษณาอาจปรากฏเมื่อผู้ใช้ค้นหา “ซื้อรองเท้ากีฬา” หรือ “รองเท้าสำหรับวิ่ง”

2. Broad Match Modifier (คำหลักแบบกว้างที่ปรับแต่งได้)

เป็นประเภทที่มีการปรับแต่งจาก Broad Match โดยสามารถระบุได้ว่าคำหลักใดบ้างที่ต้องปรากฏในคำค้นหา ตัวอย่างเช่น หากใช้เครื่องหมายบวก (+) หน้าคำหลัก คำที่มีเครื่องหมายบวกนั้นจะต้องปรากฏอยู่ในการค้นหา แต่โฆษณายังสามารถปรากฏกับคำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้

ตัวอย่าง: คำหลัก “+รองเท้า +วิ่ง” โฆษณาอาจปรากฏเมื่อค้นหา “ซื้อรองเท้าวิ่ง” หรือ “รองเท้าวิ่งราคาถูก”

3. Phrase Match (คำหลักแบบวลี)

โฆษณาจะปรากฏเมื่อคำค้นหามีวลีที่ตรงกันกับคำหลัก หรือมีคำที่เพิ่มเติมก่อนหรือหลังวลี

ตัวอย่าง: หากคำหลักคือ “รองเท้าวิ่ง” โฆษณาอาจปรากฏเมื่อผู้ใช้ค้นหา “ซื้อรองเท้าวิ่ง” หรือ “รองเท้าวิ่งราคาถูก”

4. Exact Match (คำหลักตรงเป๊ะ)

โฆษณาจะปรากฏเฉพาะเมื่อคำค้นหาตรงกันกับคำหลักที่กำหนดไว้ หรือมีความใกล้เคียงอย่างมาก (เช่น มีความแตกต่างเล็กน้อยในการสะกด หรือคำพ้องความหมาย)

ตัวอย่าง: หากคำหลักคือ [รองเท้าวิ่ง] โฆษณาจะปรากฏเฉพาะเมื่อผู้ใช้ค้นหา “รองเท้าวิ่ง” หรือคำที่ใกล้เคียงกันเท่านั้น

การเลือกใช้คีย์เวิร์ดประเภทใดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญโฆษณาของคุณ

โปรโมทโฆษณา

การโปรโมทโฆษณาบน Google มีขั้นตอนอย่างไร ?

การโปรโมทโฆษณาบน Google หรือที่เรียกกันว่า Google Ads มีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

1. สร้างบัญชี Google Ads

คุณต้องมีบัญชี Google ก่อน และใช้บัญชีนั้นเพื่อสมัครใช้บริการ Google Ads ที่ ads.google.com

2. กำหนดวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

เลือกวัตถุประสงค์ของแคมเปญ เช่น เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ เพิ่มยอดขาย หรือเพิ่มการเข้าถึงแบรนด์ของคุณ

3. เลือกประเภทของแคมเปญ

  • Google Ads มีหลายประเภทของแคมเปญ เช่น
  • Search Ads: โฆษณาที่ปรากฏในผลการค้นหา Google
  • Display Ads: โฆษณาแบบแบนเนอร์ที่ปรากฏในเครือข่ายของ Google Display Network
  • Video Ads: โฆษณาที่ปรากฏบน YouTube
  • Shopping Ads: โฆษณาที่แสดงผลิตภัณฑ์ของคุณบนหน้า Google Shopping
  • App Ads: โฆษณาที่ช่วยโปรโมทแอปพลิเคชัน

4. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย

คุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลประชากร เช่น อายุ เพศ สถานที่ และความสนใจ รวมถึงคำค้นหาที่พวกเขาใช้งาน

5. กำหนดงบประมาณและการประมูล (Bidding)

กำหนดงบประมาณรายวันหรือรายเดือน และเลือกกลยุทธ์การประมูล เช่น CPC (Cost Per Click) CPA (Cost Per Acquisition) หรือ ROAS (Return on Ad Spend)

6. สร้างและออกแบบโฆษณา

เขียนข้อความโฆษณา สร้างภาพ หรือวิดีโอ และกำหนดลิงก์ปลายทาง (Landing Page) ที่จะพาผู้ชมไปยังหน้าเว็บไซต์ของคุณ

7. กำหนดคำค้นหา (Keywords)

เลือกคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ซึ่งผู้ใช้คาดว่าจะค้นหาเพื่อพบเจอโฆษณาของคุณ

8. ตั้งค่าการติดตามผล (Tracking)

ใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics เพื่อวัดประสิทธิภาพของโฆษณา เช่น การติดตาม Conversion หรือการเข้าชมเว็บไซต์

9. ตรวจสอบและปรับปรุงแคมเปญ

เมื่อแคมเปญเริ่มทำงาน คุณควรตรวจสอบประสิทธิภาพและทำการปรับเปลี่ยน เช่น ปรับคำค้นหา ข้อความโฆษณา หรือการประมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

10. วิเคราะห์ผลและรายงาน

ใช้รายงานจาก Google Ads เพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์ ดูว่าโฆษณาทำงานได้ดีแค่ไหน และนำข้อมูลนั้นมาใช้ในการปรับปรุงแคมเปญในอนาคต

บทส่งท้าย

การโปรโมทโฆษณา Google ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และปรับแต่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้นการทดลองและการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ
บริการปั้มไลค์ เพิ่มผู้ติดตาม ปั้มยอดวิว มีครบจบที่ Auto-Like.co

แชร์:

ความคิดเห็น:

หัวข้อเรื่อง