ผู้ให้บริการด้าน Social Media Marketing อันดับ 1

เทคนิคหา Keyword เพื่อสู่การขึ้นอันดับหน้าแรก Google

เทคนิคหา Keyword เพื่อสู่การขึ้นอันดับหน้าแรก Google
การทำการตลาดออนไลน์ การที่รู้เทคนิคหา Keyword ถือเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผนการตลาดเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าหากเริ่มต้นได้ไม่ดีและไม่มีเป้าหมายของการทำธุรกิจ การจะเติบโตเพื่อไปสู่หน้าแรก Google ได้ถือว่าเป็นเรื่องยากเลยทีเดียว โดยเทคนิคหา Keyword จะมีอะไรบ้างนั้น SocialIn.One รวมไว้ให้แล้ว ไปติดตามกันเลย

Keyword คืออะไร ?

คำว่า “Keyword” (คีย์เวิร์ด) หมายถึงคำหรือวลีที่สำคัญและมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของข้อความ หรือเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับการค้นหาในเสิร์ชเอนจิน (Search Engine) เช่น Google, Bing เป็นต้น

ในบริบทของการตลาดดิจิทัลหรือ SEO (Search Engine Optimization) Keyword เป็นคำที่ผู้ใช้พิมพ์ลงในเสิร์ชเอนจินเมื่อพวกเขาต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อที่สนใจ การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและสอดคล้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์จะช่วยให้เว็บไซต์นั้นปรากฏอยู่ในผลการค้นหาที่สูงขึ้น ทำให้มีโอกาสที่ผู้ใช้จะเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น

Keyword

เพราะอะไรถึงต้องรู้เทคนิคหา Keyword ?

การหาและเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมากในการทำการตลาดดิจิทัล โดยเฉพาะในด้านการทำ SEO (Search Engine Optimization) และการโฆษณาออนไลน์ ความสำคัญของการหา Keyword มีดังนี้

1. เพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์: การเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสมช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของเสิร์ชเอนจิน เมื่อมีคนค้นหาด้วยคำคีย์เวิร์ดนั้น ๆ โอกาสที่ผู้เข้าชมจะพบเว็บไซต์ของคุณก็จะเพิ่มขึ้น

2. ดึงดูดผู้เข้าชมที่ตรงเป้าหมาย: คีย์เวิร์ดช่วยดึงดูดผู้เข้าชมที่กำลังมองหาข้อมูล ผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้เข้าชมเหล่านั้นเป็นลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ

3. เพิ่มอัตราการแปลง: การใช้ Keyword ที่ตรงกับเจตนาของผู้ค้นหา (Search Intent) ช่วยให้คุณนำเสนอเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะทำการซื้อหรือทำตามเป้าหมายของเว็บไซต์

4. ลดต้นทุนในการโฆษณา: ในการโฆษณาออนไลน์ เช่น Google Ads การเลือก Keyword ที่เหมาะสมสามารถช่วยลดต้นทุนในการคลิก (CPC – Cost Per Click) โดยคุณสามารถเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันต่ำแต่มีศักยภาพสูงในการดึงดูดผู้เข้าชม

5. ช่วยในการสร้างเนื้อหา: การค้นหา Keyword ช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้ใช้งานกำลังสนใจอะไร คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ชมได้ดียิ่งขึ้น

6. เพิ่มความน่าเชื่อถือ: เมื่อเว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาที่สูงในเสิร์ชเอนจิน ผู้ใช้มักจะมองว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ และมีคุณค่าในสายตาของทั้งผู้ใช้งานและเสิร์ชเอนจิน

ดังนั้น การหา Keyword ที่ดีและเหมาะสมจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการสร้างความสำเร็จในการทำการตลาดดิจิทัล

การหา Keyword มีวิธีการค้นหาอย่างไร ?

การวางแผนหา Keyword ทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นกระบวนการสำคัญในการเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาอย่าง Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่อไปนี้คือขั้นตอนและแนวทางในการวางแผนหา Keyword

1. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย

  • เข้าใจผู้ใช้งาน: ทำความเข้าใจว่าผู้ใช้งานของคุณคือใคร ต้องการอะไร และมักจะค้นหาอะไร
  • วิเคราะห์คู่แข่ง: ดูว่าเว็บไซต์คู่แข่งใช้คำว่าอะไรบ้าง ซึ่งสามารถใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ SEO ของคู่แข่ง เช่น Ahrefs, SEMrush หรือ Moz

2. ระดมความคิดเกี่ยวกับคำหลัก (Brainstorming)

  • คำหลักเบื้องต้น: เริ่มจากคำหลักที่คุณคิดว่ามีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ
  • ขยายกลุ่มคำ: เพิ่มคำเสริม คำที่เกี่ยวข้อง และคำพ้องความหมายเพื่อสร้างกลุ่มคำหลักที่กว้างขึ้น

3. ใช้เครื่องมือหา Keyword

  • Google Keyword Planner: เครื่องมือที่ช่วยคุณในการค้นหาคำหลักที่ผู้ใช้ค้นหาและมีปริมาณการค้นหาเท่าใด
  • Ubersuggest: เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์คำหลักใหม่ๆ ที่อาจไม่เคยคิดถึงมาก่อน
  • Google Search Console: ช่วยให้เห็นคำหลักที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาแล้ว และสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการขยายคำหลักเพิ่มเติม

4. วิเคราะห์และเลือกคำหลัก (Keyword Analysis)

  • ปริมาณการค้นหา (Search Volume): เลือกคำที่มีปริมาณการค้นหาที่เหมาะสม (ไม่ต่ำหรือสูงเกินไป)
  • ความยากของคำหลัก (Keyword Difficulty): ดูว่าคำที่เลือกมีการแข่งขันสูงหรือต่ำ คำที่มีการแข่งขันต่ำอาจเป็นเป้าหมายที่ดีกว่า
  • ความเกี่ยวข้อง (Relevance): คำหลักที่เลือกควรสอดคล้องกับเนื้อหาบนเว็บไซต์และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

5. วางแผนการใช้คำหลัก (Keyword Strategy)

  • หัวข้อและเนื้อหา: ใช้คำหลักที่เลือกในการวางแผนสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ เช่น บทความ บล็อก หรือหน้าเว็บไซต์
  • การใช้ใน On-page SEO: ใช้คำหลักในส่วนต่างๆ ของหน้าเว็บไซต์ เช่น หัวเรื่อง (Title tag), คำอธิบาย (Meta description), หัวข้อ (Headers), และเนื้อหา (Body content)
  • การสร้าง Backlinks: หาคำหลักที่เกี่ยวข้องในการวางแผนสร้างลิงก์ย้อนกลับ (Backlinks) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

6. ติดตามและปรับปรุง (Monitoring and Optimization)

  • ติดตามผล: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ SEO เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ของการใช้คำหลัก และดูว่าคำใดที่ทำงานได้ดี
  • ปรับปรุงเนื้อหา: ปรับเนื้อหาและคำหลักให้สอดคล้องกับผลการวิเคราะห์และความต้องการของผู้ใช้ที่เปลี่ยนไป

การวางแผนและการเลือกคำหลักที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหา และเพิ่มปริมาณการเข้าชมที่มีคุณภาพมากขึ้น

เครื่องมือที่ใช้ในการหา Keyword มีอะไรบ้าง ?

การหา Keyword มีเครื่องมือและวิธีการหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถใช้เพื่อวิเคราะห์และค้นหา Keyword ที่เหมาะสมสำหรับ SEO, การตลาดดิจิทัล, หรือการสร้างเนื้อหาออนไลน์อื่นๆ ตัวอย่างของเครื่องมือที่นิยมใช้มีดังนี้

1. Google Keyword Planner: เครื่องมือจาก Google Ads ที่ใช้ค้นหาและวิเคราะห์ Keyword รวมถึงการประเมินการค้นหาเฉลี่ยต่อเดือนและการแข่งขันของแต่ละคำ

2. Ahrefs: เครื่องมือ SEO ที่มีฟังก์ชั่นการค้นหา Keyword, การวิเคราะห์การแข่งขัน, และการตรวจสอบลิงก์ย้อนกลับ (backlinks)

3. SEMrush: เครื่องมือ SEO ครบวงจรที่ใช้ในการค้นหา Keyword, วิเคราะห์คู่แข่ง, และวางแผนกลยุทธ์การตลาด

4. Ubersuggest: เครื่องมือฟรีที่ช่วยในการค้นหา Keyword และวิเคราะห์ปริมาณการค้นหา รวมถึงให้แนวทางการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ

5. Moz Keyword Explorer: เครื่องมือที่ช่วยในการค้นหา Keyword, วิเคราะห์ปริมาณการค้นหา, ความยากของคำ และให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคำค้นหา

6. Keyword Tool: เครื่องมือฟรีที่สามารถใช้ค้นหา Keyword จากแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Google, YouTube, Bing, Amazon, และอื่นๆ

7. Google Trends: เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มการค้นหา Keyword ในช่วงเวลาต่างๆ และเปรียบเทียบความนิยมของ Keyword หลายคำพร้อมกัน

8. Answer The Public: เครื่องมือที่ใช้ค้นหา Keyword โดยการรวบรวมคำถามที่ผู้คนค้นหาในอินเทอร์เน็ต ทำให้ได้แนวคิดในการสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน

9. Long Tail Pro: เครื่องมือที่เน้นการค้นหา Long Tail Keywords ที่มีความเฉพาะเจาะจงและการแข่งขันต่ำ

การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ แต่ละเครื่องมือมีความสามารถและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน คุณสามารถเลือกใช้หลายเครื่องมือร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Keyword แบ่งออกเป็นกี่ประเภท ?

คำว่า “คีย์เวิร์ด” (Keyword) สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะและการใช้งานต่าง ๆ โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ดังนี้

1. คีย์เวิร์ดสั้น (Short-Tail Keywords): คำค้นหาที่ประกอบด้วยคำเดียวหรือสองคำ มักจะเป็นคำทั่วไปและมีการค้นหามาก เช่น “โทรศัพท์”, “รถยนต์”

2. คีย์เวิร์ดยาว (Long-Tail Keywords): คำค้นหาที่ประกอบด้วยหลายคำ มักจะเป็นคำที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น “โทรศัพท์สมาร์ทโฟนราคาถูก”, “รถยนต์มือสองยี่ห้อโตโยต้า”

3. คีย์เวิร์ดหัวข้อ (Head Keywords): คำค้นหาที่เป็นหัวข้อหลัก มักจะมีการค้นหามากและการแข่งขันสูง เช่น “คอมพิวเตอร์”

4. คีย์เวิร์ดตามสถานที่ (Local Keywords): คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสถานที่เฉพาะ เช่น “ร้านอาหารในกรุงเทพ”, “โรงแรมเชียงใหม่”

5. คีย์เวิร์ดสินค้าหรือบริการ (Product/Service Keywords): คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการเฉพาะ เช่น “ซื้อเสื้อผ้าออนไลน์”, “บริการซ่อมรถยนต์”

6. คีย์เวิร์ดคำถาม (Question Keywords): คำค้นหาที่เป็นรูปแบบคำถาม เช่น “วิธีทำอาหาร”, “สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ”

7. คีย์เวิร์ดเปรียบเทียบ (Comparison Keywords): คำค้นหาที่เปรียบเทียบสินค้าหรือบริการ เช่น “iPhone vs Samsung”, “รถยนต์ยี่ห้อไหนดีที่สุด”

บทส่งท้าย

การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับเนื้อหาและกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้ใช้งานและทำให้เนื้อหาของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการค้นหาในระบบค้นหา (Search Engines) เช่น Google โดยการวิเคราะห์และเลือกใช้คีย์เวิร์ดอย่างถูกต้องจะเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดผู้เข้าชมและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO
บริการปั้มไลค์ เพิ่มผู้ติดตาม ปั้มยอดวิว มีครบจบที่ Auto-Like.co

แชร์:

ความคิดเห็น:

หัวข้อเรื่อง