ผู้ให้บริการด้าน Social Media Marketing อันดับ 1

Google ไม่ Index มีวิธีการตรวจสอบ และแก้ไขอย่างไร ?

Google ไม่ Index มีวิธีการตรวจสอบ และแก้ไขอย่างไร ?
ปัญหา Google ไม่ Index ปัญหาใหญ่ของคนทำ SEO ที่ต้องพบเจอกันบ่อยๆแน่นอน เนื่องจากส่งผลต่อการทำธุรกิจโดยตรง เพราะหากอันดับในหน้าแรก Google ไม่ติดอันดับ ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของเรา จะไม่สามารถเห็นเว็บไซต์ของเราได้ วันนี้ SocialIn.One จึงจะพาทุกท่านไปรับชมถึงสาเหตุและวิธีการแก้ไขปัญหาหาก Google ไม่เข้ามา Index โดยรายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย

Google ไม่ Index คืออะไร ?

“Google ไม่ Index” หมายถึงสถานการณ์ที่หน้าเว็บเพจหรือเว็บไซต์ไม่ได้รับการจัดเก็บข้อมูลหรือ “index” โดย Google ซึ่งหมายความว่าหน้าเว็บเพจหรือเว็บไซต์นั้นจะไม่ปรากฏในผลการค้นหาของ Google เมื่อผู้ใช้ทำการค้นหา

สาเหตุที่ Google อาจไม่ทำการจัดทำดัชนีเว็บไซต์ของคุณ

1. Robots.txt ปิดกั้นการเข้าถึง: ตรวจสอบไฟล์ robots.txt ว่าไม่มีคำสั่งที่ปิดกั้น Googlebot จากการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณ

2. Noindex meta tag: ตรวจสอบว่าหน้าเว็บของคุณไม่มีแท็กที่ปิดกั้นการจัดทำดัชนี

3. คุณภาพเนื้อหา: เนื้อหาที่ไม่เพียงพอหรือไม่เป็นประโยชน์อาจทำให้ Google ไม่ต้องการจัดทำดัชนี

4. ปัญหาทางเทคนิค: ปัญหาทางเทคนิคในเว็บไซต์ เช่น ข้อผิดพลาด 404 หรือปัญหากับการโหลดหน้าเว็บ อาจทำให้ Google ไม่สามารถจัดทำดัชนีได้

5. เว็บไซต์ใหม่หรือไม่มี Backlinks: เว็บไซต์ที่ใหม่หรือไม่มีลิงก์กลับ (backlinks) อาจใช้เวลานานกว่าที่ Google จะพบและจัดทำดัชนี

6. บทลงโทษจาก Google: หากเว็บไซต์ของคุณละเมิดนโยบายของ Google อาจถูกลงโทษและทำให้ไม่สามารถจัดทำดัชนีได้

Noindex

วิธีการแก้ไขหน้าเว็บที่ไม่ index

การแก้ไขหน้าเว็บที่ไม่ถูกทำดัชนี (index) ในเครื่องมือค้นหา สามารถทำได้โดยการตรวจสอบและแก้ไขปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหานั้น นี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้

1. ตรวจสอบไฟล์ Robots.txt

  • ตรวจสอบว่าไฟล์ robots.txt ของเว็บไซต์ไม่มีการบล็อกการเข้าถึงหน้าเว็บที่ต้องการทำดัชนี
  • คำสั่งเช่น Disallow: /your-page/ ในไฟล์ robots.txt จะบล็อกการทำดัชนีหน้านั้น

2. ตรวจสอบ Meta Tags

  • ตรวจสอบว่าไม่มี meta tag noindex อยู่ในส่วน ของหน้าเว็บนั้น
  • Meta tag ที่ถูกต้องสำหรับอนุญาตให้ทำดัชนีคือ

3. ตรวจสอบ Canonical Tags

  • ตรวจสอบว่าหน้าเว็บมี canonical tag ที่ถูกต้องและไม่ชี้ไปยัง URL อื่นโดยไม่จำเป็น
  • ใช้ canonical tag เพื่อบอกเครื่องมือค้นหาว่า URL ใดเป็น URL ต้นฉบับ

4. ตรวจสอบการเชื่อมโยงภายใน (Internal Linking)

  • ตรวจสอบว่ามีการเชื่อมโยงภายใน (internal links) ไปยังหน้าเว็บนั้นจากหน้าอื่น ๆ บนเว็บไซต์
  • การมี internal links ช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถค้นพบหน้าเว็บได้ง่ายขึ้น

5. ตรวจสอบ XML Sitemap

  • เพิ่มหน้าเว็บที่ต้องการทำดัชนีลงใน XML sitemap ของเว็บไซต์
  • ตรวจสอบว่า XML sitemap ได้ถูกส่งไปยัง Google Search Console และ Bing Webmaster Tools

6. ตรวจสอบคุณภาพของเนื้อหา

  • ตรวจสอบว่าเนื้อหาบนหน้าเว็บมีคุณภาพและไม่เป็นเนื้อหาซ้ำซ้อนหรือบางมากเกินไป
  • เพิ่มเนื้อหาที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้งาน

7. ตรวจสอบการตอบสนองของเซิร์ฟเวอร์

  • ตรวจสอบว่าหน้าเว็บนั้นตอบสนองด้วยรหัสสถานะ HTTP ที่ถูกต้อง (เช่น 200 OK)
  • หลีกเลี่ยงรหัสสถานะ HTTP เช่น 404 (Not Found) หรือ 500 (Internal Server Error)

8. ใช้เครื่องมือจาก Google Search Console

  • ใช้เครื่องมือ Inspect URL ของ Google Search Console เพื่อวิเคราะห์และส่งคำขอให้ทำดัชนีหน้าเว็บใหม่
  • ตรวจสอบข้อผิดพลาดหรือคำแนะนำจาก Google Search Console เพื่อแก้ไขปัญหา

9. ตรวจสอบการถูกโจมตีโดย Malware

  • ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณไม่มีมัลแวร์หรือสคริปต์ที่เป็นอันตราย
  • ใช้เครื่องมือการสแกนความปลอดภัยและทำการแก้ไขหากพบมัลแวร์

การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาหน้าเว็บที่ไม่ถูกทำดัชนีหรือมา Index ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทส่งท้าย

การตรวจสอบว่าเว็บเพจของคุณถูก index โดย Google หรือไม่สามารถทำได้โดยการใช้เครื่องมือ Google Search Console หรือทำการค้นหาด้วยคำสั่ง site:yourdomain.com บน Google Search
บริการปั้มไลค์ เพิ่มผู้ติดตาม ปั้มยอดวิว มีครบจบที่ Auto-Like.co

แชร์:

ความคิดเห็น:

หัวข้อเรื่อง