ผู้ให้บริการด้าน Social Media Marketing อันดับ 1

วิธีเลือก Keyword ควรพิจารณาอย่างไร ? ส่งผลต่อ SEO

วิธีเลือก Keyword ควรพิจารณาอย่างไร ? ส่งผลต่อ SEO
วิธีเลือก Keyword ถือเป็นข้อสำคัญในการสร้างและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ หากการจะทำการตลาดพร้อมกับทำ SEO ไปด้วยกัน เรื่องของการตามหา Keyword ที่ต้องการจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละลาย และควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ SocialIn.One จึงจะพาทุกท่านที่ต้องการทำการตลาด มารับชมวิธีคัดเลือก Keyword ให้ได้รับทราบกัน โดยรายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย

วิธีเลือก Keyword เลือกจากอะไรบ้าง ?

การค้นหา Keyword เป็นกระบวนการที่สำคัญในการทำ SEO และการวางแผนคอนเทนต์เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือขั้นตอนเบื้องต้นสำหรับการค้นหา Keyword

1. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย

  • ทำความเข้าใจผู้ใช้: เข้าใจความต้องการและพฤติกรรมการค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย
  • สำรวจคำถามและปัญหาที่พวกเขามี: ใช้ฟอรั่ม โซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ Q&A เช่น Reddit, Quora

2. ใช้เครื่องมือค้นหา Keyword

  • Google Keyword Planner: เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยคุณค้นหาและวิเคราะห์ปริมาณการค้นหาและการแข่งขันของคำค้นหา
  • Ahrefs: เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการวิเคราะห์คำค้นหาและคู่แข่ง
  • SEMrush: ใช้สำหรับวิเคราะห์คำค้นหาและการวางแผนคอนเทนต์
  • Ubersuggest: เป็นเครื่องมือฟรีที่ช่วยค้นหาคำค้นหาและดูแนวโน้มของคำค้นหา
  • Keyword Tool: ช่วยในการสร้างคำค้นหาจากการแนะนำของ Google, Bing, YouTube, และ Amazon

3. สำรวจคำค้นหาจากคู่แข่ง

  • วิเคราะห์เว็บไซต์ของคู่แข่ง: ดูคำค้นหาที่คู่แข่งของคุณใช้และพิจารณาว่าคำค้นหาไหนมีโอกาสที่จะนำมาใช้ในเว็บไซต์ของคุณ
  • ใช้เครื่องมือ SEO เช่น Ahrefs หรือ SEMrush: เพื่อดึงข้อมูลคำค้นหาที่คู่แข่งของคุณใช้

4. สำรวจคำค้นหาแบบ Long-Tail

  • คำค้นหาแบบ Long-Tail: คือคำค้นหาที่ยาวกว่าและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ซึ่งมักจะมีการแข่งขันน้อยกว่าและนำไปสู่การแปลงผู้ใช้ได้มากกว่า
  • ใช้เครื่องมืออย่าง AnswerThePublic: เพื่อหาคำถามและคำค้นหาแบบ Long-Tail ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

5. วิเคราะห์ปริมาณการค้นหาและความยากของคำค้นหา

  • ปริมาณการค้นหา (Search Volume): ดูว่าคำค้นหานั้นมีการค้นหามากน้อยแค่ไหน
  • ความยากของคำค้นหา (Keyword Difficulty): วิเคราะห์ว่าคำค้นหานั้นมีการแข่งขันมากน้อยแค่ไหน

6. เลือกและจัดอันดับคำค้นหา

  • เลือกคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ: คำค้นหาที่มีปริมาณการค้นหาสูงและความยากของคำค้นหาต่ำจะเป็นตัวเลือกที่ดี
  • จัดอันดับคำค้นหาตามความสำคัญ: พิจารณาว่าคำค้นหาไหนสำคัญและมีโอกาสนำผู้ใช้มาสู่เว็บไซต์ของคุณมากที่สุด

7. ติดตามและปรับปรุง

  • ติดตามผลการใช้งานของคำค้นหา: ดูว่าคำค้นหาไหนทำงานได้ดีและคำค้นหาไหนที่ไม่ทำงาน
  • ปรับปรุงคำค้นหาและคอนเทนต์: ปรับปรุงคำค้นหาและคอนเทนต์ของคุณเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการค้นหาและพฤติกรรมของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไป

การค้นหา Keyword เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คุณสามารถปรับตัวและพัฒนาเว็บไซต์ของคุณให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและแนวโน้มของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทของ Keyword มีอะไรบ้าง ?

ประเภทของคีย์เวิร์ด (Keywords) สามารถแบ่งออกได้หลายประเภทตามการใช้งานและวัตถุประสงค์ ดังนี้

1. คีย์เวิร์ดสั้น (Short-tail Keywords)

  • มักจะเป็นคำสั้นๆ ประกอบด้วย 1-2 คำ
  • มีการแข่งขันสูงและไม่เฉพาะเจาะจง
  • เช่น “รองเท้า”, “คอมพิวเตอร์”

2. คีย์เวิร์ดยาว (Long-tail Keywords)

  • ประกอบด้วยคำหลายคำ มักเป็น 3 คำขึ้นไป
  • มีการแข่งขันน้อยกว่าและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
  • เช่น “รองเท้าผ้าใบสีขาวผู้หญิง”, “โน้ตบุ๊คราคาไม่เกิน 20,000 บาท”

3. คีย์เวิร์ดเฉพาะเจาะจง (Exact Match Keywords)

  • คำหรือวลีที่ต้องการให้ตรงกับการค้นหาของผู้ใช้
  • มักจะใช้ในโฆษณาเพื่อให้โฆษณาปรากฏเฉพาะเมื่อมีการค้นหาคำที่ตรงกันเป๊ะๆ
  • เช่น [ซื้อ iPhone 12 มือสอง]

4. คีย์เวิร์ดทั่วไป (Broad Match Keywords)

  • คำที่สามารถตรงกับคำหรือวลีที่มีความหมายใกล้เคียงหรือคล้ายกัน
  • มักจะใช้เพื่อให้โฆษณาปรากฏในหลายๆ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง
  • เช่น รองเท้าผ้าใบ -> รองเท้าผ้าใบสีดำ, รองเท้าผู้หญิง

5. คีย์เวิร์ดเน้นสถานที่ (Local Keywords)

  • คำที่เน้นไปที่สถานที่หรือพื้นที่เฉพาะเจาะจง
  • ใช้เพื่อดึงดูดลูกค้าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
  • เช่น “ร้านอาหารไทยในกรุงเทพ”, “โรงแรมใกล้หาดป่าตอง”

6. คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ (Commercial Intent Keywords)

  • คำที่บ่งบอกว่าผู้ค้นหามีความตั้งใจจะซื้อสินค้า
  • เช่น “รีวิว iPhone 12”, “ซื้อ MacBook Pro ราคาถูก”

7. คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล (Informational Keywords)

  • คำที่บ่งบอกว่าผู้ค้นหาต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
  • เช่น “วิธีการทำขนมเค้ก”, “ทิปส์การเดินทางญี่ปุ่น”

8. คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับการนำทาง (Navigational Keywords)

  • คำที่บ่งบอกว่าผู้ค้นหาต้องการเข้าเว็บไซต์เฉพาะเจาะจง
  • เช่น “Facebook”, “YouTube”

การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและตรงกับวัตถุประสงค์ของธุรกิจได้มากขึ้น

Keyword

Search volume คืออะไร ? มีประโยชน์อย่างไร ?

Search volume หมายถึงจำนวนครั้งที่คำค้นหาหนึ่ง ๆ ถูกค้นหาในเครื่องมือค้นหาภายในช่วงเวลาหนึ่ง โดยปกติแล้วจะวัดเป็นรายเดือน การทราบ search volume ของคำค้นหาต่าง ๆ เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการทำ SEO และการวางแผนเนื้อหา เนื่องจากช่วยให้รู้ว่าคำค้นหาไหนมีความนิยมสูง ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์และปรับแต่งกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ได้

ประโยชน์ของการรู้ search volume ได้แก่

  • การเลือกคำหลัก (Keyword Selection): เลือกคำหลักที่มีความนิยมสูงเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการค้นพบจากผู้ใช้งาน
  • การสร้างเนื้อหา (Content Creation): สร้างเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายโดยอิงจากคำค้นหาที่มี search volume สูง
  • การวางแผนกลยุทธ์ SEO: ปรับปรุงเว็บไซต์และเนื้อหาเพื่อเพิ่มอันดับในผลการค้นหาสำหรับคำค้นหาที่มี search volume สูง
  • การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis): ดูว่าคำค้นหาใดที่คู่แข่งของคุณมุ่งเน้น และนำมาเปรียบเทียบกับคำค้นหาที่คุณใช้

เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบ search volume ได้แก่ Google Keyword Planner, Ahrefs, SEMrush, Moz และอื่น ๆ

Search volume มีความสำคัญอย่างไรต่อ SEO ?

Search volume มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำ SEO เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อการกำหนดกลยุทธ์และการเลือกคำค้นหา (keywords) ที่จะใช้ในเนื้อหาและแคมเปญการตลาดออนไลน์ของเรา ดังนี้

1. การเลือกคำค้นหา

Search volume ช่วยให้เรารู้ว่าคำค้นหาใดที่ผู้คนใช้มากที่สุดเมื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือบริการของเรา การเลือกใช้คำค้นหาที่มี search volume สูงจะช่วยเพิ่มโอกาสในการที่เว็บไซต์ของเราจะถูกค้นพบ

2. การวางแผนเนื้อหา

เมื่อทราบ search volume เราสามารถวางแผนเนื้อหาที่ตอบสนองต่อคำค้นหาที่มีปริมาณการค้นหาสูง ทำให้เนื้อหาของเรามีโอกาสที่จะถูกพบเจอและมี engagement สูงขึ้น

3. การประเมินการแข่งขัน

Search volume ยังช่วยให้เราประเมินการแข่งขันในตลาดได้ ถ้าคำค้นหามี search volume สูง มักจะหมายความว่ามีการแข่งขันสูงเช่นกัน เราอาจต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นในการทำ SEO สำหรับคำนั้น

4. การกำหนดลำดับความสำคัญ

Search volume ช่วยให้เรากำหนดลำดับความสำคัญของคำค้นหาที่จะเน้นในการทำ SEO เราสามารถเลือกคำค้นหาที่มี search volume สูงและตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเรา

5. การวัดผลและปรับปรุง

การติดตาม search volume ของคำค้นหาที่เราใช้จะช่วยให้เรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มใหม่ๆ ในตลาด ทำให้เราสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ SEO ได้อย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น การทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จาก search volume เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำ SEO ของเรามีประสิทธิภาพและเกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

บทส่งท้าย

การเลือก Keyword ที่เหมาะสมต้องอาศัยการวิเคราะห์และการทดลองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการทำ SEO และการตลาดออนไลน์ของคุณ การทำ SEO จำเป็นต้องใช้เวลาระยะยาวจึงจะเห็นผล การทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ย่อมส่งผลได้ดีมากที่สุด
บริการปั้มไลค์ เพิ่มผู้ติดตาม ปั้มยอดวิว มีครบจบที่ Auto-Like.co

แชร์:

ความคิดเห็น:

หัวข้อเรื่อง